ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๒๘ บรรทัดที่ ๑๘ กล่าวว่า
“ พระญาเมงค็กลัวอานุภาวะแห่งคูด้วย เตชอานุภาวะแห่งคูได้ส้างพระพุทธรูปเจ้า พระญาเมงค็หื้อลูกรักตนมาเป็นเมียฉันนี้ควรคูส้างวิหารแท้แล ว่าอั้น เจ้ามังรายค็หื้อช่างกานโถมตัดวิหารหลัง ๑ ค่อมพอ ปกเสาใส่ขื่อไว้ บ่ทันแล้วเทื่อ นั้นแล ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๒๘ บรรทัดที่ ๒๒ กล่าวว่า
“ ตสฺมึ กาเล ในกาละนั้น พระญาอยุทธิยาไธยใต้ใช้ มาเปนแขกเมือง หื้อเอาหวายเส้น ๑ ยาว ๒๐ วา เหลาหื้อสนเขมได้ มาถวายแก่พระญามังราย เพื่อสำแดงคุณว่าชาวใต้ช่างนัก หาผู้จักเปรียบเทียมบ่ได้ ว่าอั้น เจ้ามังรายค็หื้อหาช่างไม้ผู้ชื่อกานโถมมา แล้วกล่าวว่า ท่านยังอาจกะทำเหมือนนี้ได้อั้นรือ ช่างไม่กานโถมไหว้พระญาว่า ชาวใต้ เท่าแต่เหลาหวายยาว ๒๐ วา สนเขมได้บ่ดาย พ้อยมาสำแดงคุณฉันนี้นอ ดั่งข้าเจ้านี้ แม่นว่าจักหื้อเหลาหวายร้อยวาสนเขมได้ค็ยังจักได้ดาย ว่าอั้น แล้วช่างไม้กานโถมจักสำแดงคุณอัน ๑ จิ่งแส้งหื้อตนเอาไม้ยาว ๓ วาถากห้อยแล้ดีงามเอาลงจมไว้ในน้ำแม่พิงพายเหนือขัวกุมกาม แล้วมันหื้อเอาแกลบไม้ใส่กวยหุ้มหื้อดี เอาลงจมไว้ในน้ำที่นั้น หื้อน้ำขวักแกลบไม้ออกแลหน้อยเปนดั่งฅนถากฅนห้อยแล้วนั้น เอาลงไว้แต่กลางฅืน คันรุ่งเช้าช่างกานโถมมาเฝ้าคัลพระญามังราย จิ่งแส้งไหว้ว่า ข้าเจ้าจักขอดำน้ำฟันขวานห้อยไม้หื้อแขกเมืองดูชะแล ว่าอั้น ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๑ กล่าวว่า
“ ช่างไม้กานโถมค็หื้อชักไม้เหล้ม ๑ ยาว ๓ วาบ่ห้อยบ่ฟันเทื่อลงน้ำแม่พิงหื้อแขกหัน แล้วช่างกานโถมค็ฝนขวานหื้อฅม แล้วก็ดำน้ำฟันขวานห้อยไม้แท้ ยามใหย่ ๑ ช่างกานโถมออกมาไหว้พระญาว่า ผู้ข้าดำน้ำฟันขวานห้อยไม้แล้ว ขอหื้อเจ้าเหนือหัวเอาออกดูเทิอะ ว่าอั้น เจ้ามังรายค็หื้อดำชักออกมายังไม้เหล้มนั้นหื้อแขกดู แขกหันไม้เหล้มนั้นงามนัก เลี่ยมซื่อเปนดั่งตีพะทัดยังบกนั้น ลวดงืดว่า เขาช่างกว่าเรา ดำน้ำฟันขวานค็ได้ดีหลีดาย ว่าอั้น ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๗ กล่าวว่า
“ แขกพ้อยสำแดงคุณอัน ๑ เล่า หื้อช่างผู้นั้นจลักเม็ด เข้ากุ่ม เม็ด ๑ เปนรูปช้าง ๒ ตัว ชนกัน มาถวายแก่เจ้าพระญามังราย เจ้าพระญามังรายหื้อเอาเม้ดเข้าอันจลักเปนรูปช้างนั้นไพหื้อแก่ช่างกานโถม ช่างกานโถมว่า ข้าใคร่หันผู้รู้จลักเม็ดเข้ากุ่มนั้น ว่าอั้นแขกค็เอาช่างผู้นั้นแก่ช่างผู้นั้นไพสำแดงหื้อช่างกานโถมหันต่อหน้าเจ้ามังราย ช่างการโถมค็ชักช่างผู้นั้นนอนขว้ำไว้ เอาขวานเถี่ยนฅมห้อยหัวหื้อหมดดีเปนดั่งเอามีดกวนนั้น ช่างกานโถมถามว่าเอาขวานกวนหัวเจ็บรือว่าบ่เจ็บ มันบอกว่า บ่เจ็บ เปนดั่งลูบเอานั้นแล ว่าอั้น แขกหันฉันนั้น กล่าวว่า ช่างเมืองลาวนี้ฉลาดนัก ดีเสียกว่าเราแท้ดาย ว่าอั้น แล้วค็ลาพระญามังรายเมือหั้นแล ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๒๙ บรรทัดที่ ๑๕ กล่าวว่า
“ พระญามังรายหันช่างกานโถมสำแดงคุณแก่ชาวใต้ ยกยอเมืองตน เจ้ามังรายค็หื้อช่างกานโถมเมือกินเมืองเชียงแสน ยามนั้นเมืองเชียงแสนได้ชื่อว่าเมืองรอย เถิงเมื่อเจ้าพระญาแสนพูไพกิน จิ่งได้ชื่อว่าเชียงแสนแล ช่างกานโถมเมืออยู่เชียงแสนแล้ว จิ่งตัดเครื่องวิหารเปนต้นว่าแปอ้าย แปยี่ ขื่อมล้าตั่งไหม แต่เชียงแสน หื้อเอามาใส่วิหารการโถมอันปกเสาใส่ขื่อไว้บ่ทันแล้วเทื่อนั้น ค่อมพอกุ้มชู่อัน บ่คับบ่หลมนั้นแล ลวดปรากฏชื่อว่าวัดกานโถมต่อเท้าบัดนี้แล ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๓๐ บรรทัดที่ ๑ กล่าวว่า
“ พระญามังรายตอบคำอามาจจ์ว่า เรารูขร่าวเมืองพุกามอังวะสมริทธีด้วยช้างมล้าทุกอัน อัน ๑ เรารู้ว่าสาสนาพระพุทธะเจ้ารุ่งเรืองมากนัก เราจิ่งแส้งมาแอ่วดูประเทสบ้านเมืองพุกามอังวะเพื่ออั้นดาย ผิว่าเจ้าพระญาพุกามอังวะจักมักหื้อวัตถุสิ่งใดแก่เรานั้น เท่าว่าข้าวของเงินฅำแก้วแหวนในเมืองเรามากนัก เราบ่ประโยชนะแล เท่าประโยชนะด้วยช่างทังหลายเป็นต้นว่าช่างคล้อง ช่างเหล็กสิ่งเดียวแล ว่าอั้น อามาจจ์ผู้ใช้ได้ยินคำเจ้าพระญามังรายแล้วค็เมือไหว้พระญาอังวะ พระญาอังวะรู้ขร่าวคำอันนั้น มีคำยินดี จิ่งเจียรจากับด้วยอามาจจ์ทังหลายว่า คูใส่ใจว่าเจ้าท้าวล้านนาผู้นี้มีเตชะ จักมากำจัดบ้านเมืองเราเสียรือว่าอั้น เท่าว่าใคร่ได้ช่างคล้องฉันนี้ เราควรแต่งแปลงช่างคล้องผู้ฉลาดเถิงดีนักนั้นสองนายกับทังช่างฅำ ช่างเงิน ช่างทอง ช่างเหล็กพร้อมชู่อันหื้อแก่เจ้าท้าวล้านนา เพื่อหื้อเปนมิตรไมตรีติดต่อไพพายหน้าดีชะแล ว่าอั้น แล้วค็หื้อเสนาอามาจจ์จัดแจงเอาช่างคล้องสองนาย ช่างเครื่อง ช่างเงิน ช่างฅำ ช่างทอง ช่างเหล็ก ทังหลายประหมาณว่าได้ ๕๐๐ ครัวมาถวายแก่เจ้าพระญามังราย เจ้ามังรายค็เอาช่างตีฅำมาไว้เชียงตุง เอาช่างคล้องกับพวกหานบ้านมาไว้เชียงแสน เอาช่างเครื่อง ช่างเหล็ก ช่างทองมาไว้กุมกาม ช่างทั้งหลายจิ่งมากับบ้านเมืองเมืองล้านนาต่อเท้าบัดนี้แล ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๖ กล่าวว่า
“ เจ้าพระญามังรายร่ำเพิงว่าคูจักตั้งเวียงในฐานะที่นี้ ควรระเมาเอาใจแท้แล ทิสสะวันออกแจ่งเหนือค็เปนหนองอันใหย่ เปนที่ช้าง มล้า งัว ฅวาย ลงอาบลงกินดีนัก เจ้าค็เรียกหามายังช่างไม้ทังหลายมาแล้วค็หื้อถากแตะซ้อมไม้ทังหลายมากนัก ค็หื้อส้างแปลงหอโรง โรงช้าง โรงมล้าแลหอปะตู จักส้างเวียงอันใหย่ จักเอาไชยภูมิไว้ท่ำกลางสายดือเมือง ว่าอั้น ค็หื้อขุดฅือแลแปลงสนนจังตั้งก่อเวียง แลด้านแล ๓ พันวา ว่าอั้น พระญาพ้อยร่ำเพิงว่า คูจักส้างบ้านแปลงเมืองอันใหย่แท้ ควรคูใช้ไพเชิญเอาพระญางำเมืองพระญาร่วงอันเปนสหายคูมา ควรชะแลว่าอั้น แล้วค็ใช้ไพเชิญเอาสหายตนคือพระญางำเมือง พระญาร่วง มานั้นแล”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๒๕ กล่าวว่า
“ ถัดนั้น เจ้าพระญาไชยสงครามค็จิ่งแต่งฝูงชนเปนกัมมการ คือช่างไม้ทังหลายหื้อเผี้ยวเวียงเชียงดาว ตั้งยั้งครุ้มน้อยที่อยู่ที่กินโรงช้างโรงมล้า บัวรมวณชู่อัน รุ่งปลีไหนเจ้าค็เทียวมาอยู่เวียงเชียงดาว เทียวมาเฝ้าพ่อตนแต่เดือน ๕ เพงเถิงเดือน ๘ เพงจิ่งเมืองเชียงรายจำเริยมาฉันนี้ชู่ปลี แล้วเจ้าค็หื้อมาแปลงฉางเข้าไว้ในเมืองเชียงดาวมากนักหื้อพ่ำเพงด้วยเข้าทังหลายไว้เตมฉางมากนักชู่หลัง สำหรับจักไว้เลี้ยงริพลข้าแก้วฅนหานปห่งตน เมื่อเจ้าเมืออยู่เมืองเชียงราย ค็แต่งจ่าบ้านดาบเรือน หื้ออยุ่เฝ้าขุนนางเมียรักแห่งตนในราชชมนเทียรเวียงเชียงดาว หั้นแล ”
ผูกที่ ๒ หน้าที่ ๗๘ บรรทัดที่ ๘ กล่าวว่า
“ เมื่อนั้น ยังมีพราหมณ์ลังกาผู้ ๑ ช่างแกงกิน มันมาจัดแจงแก่พ่อครัวหื้อเขาตั้งเข้าพราหมณ์ผู้นั้นหันอุปปทูตลักเอาขันฅำใส่ถง มันจิ่งหื้อพวกดาบกับจ่าแส้ออกไพติดตามเอาขันฅำกับอุปปทูตได้ แล้วค็เอาตัวอุปปทูตมาสำแดงแก่เจ้าพระญิโลก เจ้าพระญาติโลกจิ่งหื้อล่ามแขกกับห้าสิบจ่าหล้า เอาผู้ลักขันฅำไพสำแดงแก่ราชทูตา มันค็ขานว่าข้าบังเกิดโลภะ ค็ได้ลักแท้แล ว่าอั้น เจ้าพระญาติโลกค็ส่งแขกใต้เมอตามบัวราณนั้น หั้นแล ส่วนชีมล่านตนนั้นกับผาสีผู้นั้น ค็หื้อตี กัง แล้วหื้อเอาไพทอดตกน้ำเสียยังแก่งพอก วันนั้นแล ”