ลูกพระยาเจ้าเมืองกับทุคตะ



          ในสมัยก่อนนั้น มีลูกพระยาเจ้าเมืองกับทุคตะเป็นเพื่อนกัน เคยเล่นด้วยกัน ทีนี้ก็มีอยู่วันหนึ่ง ทั้งทุคตะกับลูกพระยาเจ้าเมืองก็ชวนกันไปใส่บ่วงเอาเก้งในป่า ส่วนลูกพระยาเจ้าเมืองนั้นเอาบ่วงไปใส่ไว้บนปลายต้นมะกอก ส่วนไอ้ทุคตะนั้นเอาใส่ใต้ต้นมะกอก ใส่ที่ทางเก้งเดินมาเป็นประจำนั้น ทุคตะก็บอกให้ลูกพระยาเจ้าเมืองว่า

          “ลงมาวางข้างล่างนี้สิท่าน”

          ลูกพระยาเจ้าเมืองก็บอกว่า

          “ใส่ข้างใต้ต้นมันจะได้อะไร เก้งมันจะมากินมะกอกมันต้องขึ้นมากินที่บนต้นนี่”

          ไอ้ทุคตะให้มาใส่บ่วงด้านล่าง ลูกเจ้าเมืองก็ไม่มา ส่วนเจ้าทุคตะใส่บ่วงด้านล่างวันรุ่งขึ้น เมื่อเช้ามา ลูกพระยาเจ้าเมืองก็แอบไปดูก่อน ไปดูบ่วงของเจ้าทุคตะเห็นว่าเก้งติดอยู่ มันก็ลักเอาเก้งที่ติดบ่วงเจ้าทุคตะขึ้นไปใส่บ่วงบนปลายต้นมะกอกนู่น อีกวันทั้งสองก็ไปดูบริเวณที่ตนทำกับดักไว้ว่าได้เก้งหรือไม่ลูกพระยาเจ้าเมืองได้ลักเก้งขึ้นห้อยบนปลายต้นมะกอกก่อนแล้ว ทุคตะก็บ่น

          “ดูรอยสิ เหมือนจะติดบ่วงข้างล่างนี้ รอยนี้มันดินอะไรกันนี่ มันน่าจะติดของข้านะเพราะว่าขนยังติดอยู่ที่บ่วงอยู่เลย”

          ลูกพระยาเจ้าเมืองก็มาผิดใจกับเจ้าทุคตะขึ้นมา หาว่าไอ่ทุคตะนั้นสบประมาทตัวเองพากันไปเอาความไปบอกให้กับพระยาเจ้าเมือง ลูกพระยาเจ้าเมืองก็ไปบอกให้พระยาเจ้าเมืองว่า ไอ้ทุคตะนั้นใส่ร้ายตน ใส่โทษตนว่าตนลักเก้งที่ติดบ่วงบนปลายต้นมะกอก ทีนี้พระยาเจ้าเมืองก็ผิดใจจะเอาไอ่ทุคตะนั้นไปฆ่าทำยังไงก็จะฆ่าให้ได้ ไอ้ทุคตะนั้นก็ร้องไห้หอนวอนทุกข์ เพราะว่าเป็นคนทุกข์คนจนไร้ญาติขาดมิตรพ่อแม่พี่น้องก็ไม่มี ร้องไห้อยู่ทั้งวันทั้งคืน เพราะว่าพระยาเจ้าเมืองตัดสินว่าจะฆ่า ในข้อหากล่าวโทษหาว่าลูกพระยาลักเก้งของไอ้ทุคตะ ทีนี้พระยาเจ้าเมืองนัดมันให้ไปหาทนายมาสู้กัน ให้ไปหาทนายสองวัน ถ้าวันมะรืนหาทนายมาไม่ได้จะฆ่า ทีนี้พระยาเจ้าเมืองก็ให้มันออกบ้านออกเมืองไปหาทนายมาสู้คดี เดินไปก็ร้องไห้ออกบ้านออกเมืองไป เข้าป่าเข้าเมืองไปตามภาษาทุคตะก็ไม่มีใครที่จะมาช่วยเหลือ ทีนี้พระยาอินทร์ก็จะมาให้ความช่วยเหลือ เพราะว่าพระยาอินทร์ร้อนที่นั่งก็เลยดูเล็งลงมาก็เห็น พระยาอินทร์ก็แปลงกายลงมาเป็นคนมาเกิดอยู่กลางป่า ทีนี้ทุคตะก็ร้องไห้ไปพบพระยาอินทร์แต่งตัวเป็นคนเฒ่าแก่ตัวดำ มอซอๆ พระยาอินทร์ก็ถามว่า

          “โอ ร้องไห้อะไรนักหนา”

          ทุคตะก็เล่าตั้งแต่ต้นถึงปลายให้ฟัง

          “พระยาเจ้าเมืองหื้อมาหาทนายมาสู้คดี ท่านจะฆ่าเรา ท่านว่าข้านี้กล่าวโทษใส่ลูกพระยาเจ้าเมืองว่าลักขโมยเก้งของตนเองนั้นเอาไป”

          แล้วพระยาอินทร์ก็ว่า

          “ไม่ยาก ลุงจะเป็นทนายให้”

          ทีนี้เจ้าทุคตะก็ไปบอกให้พระยาเจ้าเมืองนั้นว่า

          “ได้แล้วครับทนายผม”

          “เอ้า วันพรุ่งนี้ให้มึงพาทนายไปที่ศาล กูจะไปอยู่ที่นั่นรอ”

          ทีนี้พระยาเจ้าเมืองก็พาลูกไปอยู่ที่ศาลตัดสินรอ ที่นั่นทุคตะคนนั้นก็ไปตามที่นัดไว้แต่พระยาอินทร์ก็บอกกับเจ้าทุคตะคนนั้นว่า

          “น้องชาย ไปที่ศาลก่อนเลยนะ แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”

          พระยาเจ้าเมืองก็รอเจ้าทุคตะ ส่วนเจ้าทุคตะก็รอทนายของตนจึงไม่อยากที่จะเข้าพบพระยาเจ้าเมือง จึงค่อยๆ เดินไป รอทนายไปด้วย เมื่อไปถึงศาลพระยาเจ้าเมืองก็ถาม

          “อยู่ไหน ทนายมึง”

          “เขาบอกให้ผมมาอยู่ที่นี่รอ แล้วแล้วจะตามมาครับ”

          “ ถ้าไม่มานะ กูจะฆ่ามึงวันนี้แหละ”

          ส่วนเจ้าทุคตะก็รอและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก รอจนใกล้ที่จะกินข้าวเที่ยง พระยาอินทร์ที่ว่ามาแปลงเป็นทนายก็เข้าที่ศาลมา ส่วนพระยาเจ้าเมืองก็ถามว่า

          “มาแล้วหรือว่ายังไง ทำไมมาสายเรารอตั้งแต่เช้าแล้ว เราจะสู้คดีถ้าเกิดว่าเจ้าสู้ความไม่ได้เราจะฆ่าวันนี้ละ”

          ส่วนพระยาอินทร์ที่แปลงเป็นทนายก็ตอบว่า

          “ผมจะมาแต่ตะเช้าแล้วครับ แต่ตอนที่มานั้นได้ไปพบคนเขากำลังเอาช้างลงมาจากต้นตาลก็เลยช่วยเขาช้างขึ้นไปคลอดลูกบนปลายตาลตั้งสิบสองตัว ไม่รู้จะทำอย่างไรเขาวานให้ผมช่วยผมก็ช่วยเอาลงมา ผมเลยมาสายไปครับ”

          ส่วนพระยาเจ้าเมืองก็ไม่นึกถึงโทษของลูกตัว รีบพูดท้วงขึ้นมา

          “โคตรพ่อโคตรแม่มึงสิ ช้างเกิดลูกบนปลายตาล”

          พระยาอินทร์ที่แปลงเพศเป็นทนายก็ว่า

          “โคตรพ่อโคตรแม่มึงนะสิ เก้งถูกบ่วงปลายต้นมะกอก”

          ผลสุดท้ายไปสู้คดีกัน ทางพระยาเจ้าเมืองก็สู้ทนายทุคตะไม่ได้ก็เลยเลิกรากันไปเสีย นิทานเรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่า คนเราเห็นเป็นคนดีมีสินร่ำรวยแล้ว อย่าประมาทดูแคลน
คนยากคนจน อย่าเห็นว่าเขาตกต่ำกว่าตัวก็ข่มเหงก็ขอให้คิดดูดีๆ ก่อน