สองสหาย



          กาลครั้งหนึ่ง มีสองสหายที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน แต่ก็ยังยากจนอยู่เหมือนเดิม สุดท้ายตัดสินใจจะแยกทางกันไปทำมาหากินคนละทิศคนละทาง ก่อนจะจากกันก็ได้ให้สัญญากันไว้ว่า

          “ถ้าเอ็งรวยขึ้นมา อย่าลืมข้านะ เพื่อน ถ้าข้ารวยขึ้นมาข้าก็จะไม่ลืมเอ็ง”

          ฝ่ายสหายคนที่เดินทางไปทางทิศใต้ก็เกิดโชคดีร่ำรวยขึ้นมา สหายคนที่ไปทางทิศหนือได้ ข่าวว่าเพื่อนรวยก็จะไปหาแต่ก็คิดว่า “เพื่อนมันจะช่วยเราจริงไหมหนอ”

          คิดแล้วก็ห่อข้าวห่อปลาเริ่มออกเดินทาง ระหว่างทางเจอเพิงอยู่ข้างทางก็ไปแวะยั้งแกะห่อข้าวกิน พอดีก็มีหมาตัวผอมโซตัวหนึ่งเดินมา มันก็ว่า

          “เอ้า ข้ากินไม่หมดเอาข้าวให้หมากินเสียดีกว่า มันคงจะหิว”

          ชายคนนั้นก็เอาข้าวให้หมากินแล้วก็ออกเดินทางต่อไป จนถึงบ้านเพื่อน ฝ่ายเพื่อนที่ร่ำรวยเห็นเพื่อนของตนเดินทางมาหาเช่นนั้นก็ตะโกนไปว่า

          “โอ้ เพื่อนมาหาข้าเหรอนี่ มานี่ๆ”

          “โอ เพื่อนไม่ลืมกันจริงๆ นะนี่ ไม่เจอกันนานแล้ว โอ เพื่อนสบายจริงๆ หนอ ร่ำรวยแล้ว” เพื่อนที่ร่ำรวยก็บอกว่า

          “ข้าจะช่วยเหลือเพื่อนนะ เพื่อนทุกข์ยากข้าก็จะช่วย”

          แล้วเพื่อนผู้ร่ำรวยก็ให้เพื่อนไปขึ้นตาชั่งข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็เอาทองคำใส่ไปให้เท่ากับน้ำหนักตัวแล้วบอกเพื่อนที่ยากจนว่า

          “ข้าจะช่วยเพื่อนเต็มที่ เอ้า เพื่อนจงอธิษฐานเอาเถอะ เพื่อนได้ทำบุญสุนทานอะไรมาก็ภาวนาเอาเถอะ ถ้าเพื่อนมีบุญตาชั่งมันก็จะกระดกขึ้น”

          ว่าแล้วก็เอาทองคำใส่ตาชั่ง แต่ใส่ไปเท่าไหร่ ตาชั่งก็ไม่กระดิกเลย เพื่อนที่ยากจนนั้นก็คิดถึงบุญที่เคยทำไว้ งานบุญที่นั่นที่นี่เคยไปร่วมก็คิดมาหมด แต่ตาชั่งก็ไม่กระดิกเลย จนกระทั่งนึกถึงหมาที่ให้ข้าวกินเมื่อเช้าขึ้นมาได้ก็เลยว่า

          “เอ ข้าจะเอาทานที่ข้าให้ข้าวหมาเมื่อเช้านี่ดีไหมนะ ถ้าที่ข้าให้ข้าวมันไปพอจะมีบุญกุศลก็ขอให้มันกระดกขึ้นทีเถอะ”

          พอคิดแค่นั้นเอง ตาชั่งก็ยกขึ้น เพื่อนผู้ร่ำรวยก็เลยมอบทองคำเท่าน้ำหนักตัวนั้นให้กับเพื่อน นิทานเรื่องนี้จึงสอนว่า การทำบุญทำทานถ้าทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ตั้งมั่นในการทำบุญจริงแล้วๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ก็ได้บุญกุศลทั้งนั้น