กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสองคนผัวเมียคู่หนึ่งมีลูกเล็กหนึ่งคน ลูกชายนั้นกำลังอยู่ในวัย ช่างพูด เห็นอะไรก็พูดแจ้วๆ ครอบครัวนี้นอกจากจะอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูกแล้วยังมีพ่อเมียหรือพ่อตา ซึ่งก็คือตาของเด็กน้อยอาศัยอยู่ด้วย แต่พ่อเมียคนนี้ขี้บ่นพูดมาก บ่นได้ทั้งวัน พ่อของเด็กน้อยซึ่งเป็นลูกเขยก็รำคาญมาก จึงบ่นกับเมียของตนว่า
"พ่อน่ะ พูดมากขี้บ่น พูดอยู่ได้ทั้งวัน มีแต่หาเรื่องมาด่ามาว่าข้า ข้าไม่ชอบ รำคาญ ข้าจะเอาพ่อไปปล่อยไว้ในป่าละนะ"
แม่ของเด็กก็ไม่กล้าขัดเพราะกลัวและตามใจผัวของตน ฝ่ายผัวจึงไปจ้างชาวบ้านสานก๋วยหรือเข่งใบใหญ่ใส่คนเข้าไปได้มาใบหนึ่ง พอเอาก๋วยเข้ามาในบ้าน ลูกชายตัวน้อยคนนั้นก็มาเมียงๆ มองๆ ดู คนเป็นพ่อก็ไม่กล้าอุ้มพ่อเมียใส่ก๋วย เพราะกลัวลูกเองจะเห็น ก็รอจนลูกชายของตนหลับเสียก่อน แต่รอจนดึกลูกชายก็ยังไม่หลับ ก็ทนไม่ไหวจึงอุ้มเอาพ่อเมีย
ใส่ในก๋วยใบนั้น ฝ่ายพ่อตาสะดุ้งตื่นรู้สึกตัวแล้วก็ถามลูกเขยเสียงดังว่า
“นี่มึงจะเอากูไปไหน”
ลูกเขยจึงตอบไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า
"โหะ จะเอาไปไหนล่ะ ก็เอาไปปล่อยน่ะสิ อยู่บ้านก็หนักบ้าน พูดมากปากนักอย่างนี้รำคาญ"
ทั้งคู่ต่างตะโกนเสียงดัง จนลูกชายตัวน้อยตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมาเห็นพ่อกับแม่ของตนกำลังอุ้มตาใส่เข่งแบกขึ้นบ่าจะออกไปนอกบ้าน เด็กน้อยจึงตะโกนเรียก
"พ่อๆ"
เด็กน้อยตะโกนเรียกอยู่อย่างนั้นจนพ่อกับแม่หันมา
"จะเรียกพ่อทำไมนักหนา ไอ้หนู"
เด็กน้อยจึงตะโกนตอบพ่อไปว่า
"ถ้าพ่อเอาตาไปปล่อยแล้ว พ่อเอาเข่งมาให้ผมด้วยนะ"
ผู้เป็นพ่อสงสัยจึงถามไป
"เอ็งจะเอาเข่งมาทำอะไร"
"ก็ถ้าพ่อแก่เหมือนตา ผมจะเก็บเอาไว้ใส่พ่อไปปล่อยมั่งน่ะสิ"
พ่อกับแม่ของเด็กน้อยได้ยินอย่างนั้นก็เข่าอ่อน เดินต่อไม่ไหว รู้สึกสำนึกผิดจึงอุ้มพ่อกลับเข้ามาในบ้านเหมือนเดิมแล้วก้มลงกราบขอขมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าพ่อตาจะบ่นหรือพูดมากยังไง คนเป็นพ่อก็พยายามทำใจเสีย ไม่กล้าคิดจะเอาพ่อตาไปปล่อย ไปทิ้ง
เลย