นานมาแล้วมีสามคนพ่อแม่และลูกสาวอยู่ด้วยกัน ตามปกตินั้นคนเฒ่าผู้ชายรู้สึกว่าตนเองนั้นฉลาดกว่าลูกเมีย จะพูดอะไรก็ถูกต้อง ลูกเมียก็ก็เออออห่อหมกอยู่ด้วยกันเรื่อยๆ ปกติชายคนนี้เป็นคนชาวไร่ชาวนา ไถนาทำนาอยู่ตลอดลุกขึ้นมาก็ไปไถนา เอาควายไปด้วย ถ้าไถนาเสร็จแล้วปลดแอกปลดไถเสร็จแล้วกินข้าวกินน้ำเสร็จแล้วก็อยู่เฉยๆ ป้านคันนา
บ้าง ดูน้ำเข้านาบ้างปลูกผักปลูกไม้ ค่ำเมื่อใดก็เข้าบ้าน ชายคนนี้ก็ทำอย่างนี้มาตลอด
ครั้งหนึ่งลุกมาก็ไปไถนา เอาควายไปด้วยเอาแอกไปด้วย ถ้าว่าไถนาเสร็จแล้วปลดแอกปลดควายเสร็จแล้วลูกสาวก็ไปส่งข้าวให้ทุกวัน วันนั้นนางไปส่งข้าวเช้าไปหน่อย ไปนั่ง
มองดูพ่อไถนายังไม่ปลดแอก ก็เลยไปนั่งอิงต้นไม้ อิงไปอิงมาก็หลับ งีบหลับไปปรากฏว่าฝันเห็นเรื่องแปลกประหลาด ฝันว่าตัวเองไปพบกับผู้ชายรูปงามคนหนึ่ง มีความพอใจซึ่งกัน ก็เลยไปบอกให้แม่ แม่ก็เห็นดีด้วย พ่อก็เห็นดีด้วย จึงแต่งงานกัน แต่งงานอยู่กินด้วยกันสองคนมีความสุขมาก รักกันอยู่กันมาก็ท้อง แล้วคลอดลูกออกมาอายุได้เดือนกว่าๆ ลูกก็ไม่สบายเลยตายไป พอฝันว่าลูกตายก็เสียใจร้องไห้มากนัก
พอฝันถึงเท่านี้ก็สะดุ้งตื่น พอรู้สึกตัวก็มาสายไปแล้ว เลยไม่ได้ไปหาพ่อ มัวแต่คิดถึงลูกตนเองในความฝัน ก็หิ้วปิ่นโตเข้าบ้านร้องไห้กระซิกๆ อยู่นั่น แม่เห็นเข้าก็เลยถามความจากลูกสาว
“ลูก ร้องไห้อะไร มีเรื่องราวอะไรบอกให้แม่ซิ”
พอแม่ถามเรื่อยๆ ลูกก็เลยเล่าความฝันให้แม่ฟัง แม่มันได้ฟังเรื่องฝันเข้าก็ร้องไห้ตามด้วยความสงสารหลานในฝัน ก็ตัดพ้อลูกสาวว่า
“ทำไมมึงทำอย่างนั้น มึงทำไมไม่เลี้ยงมันดีๆ ถ้าไม่งั้นแม่คงจะได้อุ้มหลานแล้ว”
แล้วก็ร้องไห้กันสองคนไปมา ส่วนพ่อก็รอกินข้าว เมื่อไหร่ลูกจะมาซักที ทุกทีป่านนี้ก็มาแล้ว สายเข้าๆ ก็เลยทนไม่ไหว ทิ้งควายทิ้งแอกทิ้งไถเข้าบ้านมา เห็นสองแม่ลูกนั่ง
ร้องไห้สองคน ก็เลยถามได้ใจความว่าร้องไห้เสียดายลูกก็เลยด่าทั้งสอง
“ข้าบอกนานแล้วว่าสูทั้งสองคนนั้นโง่ทั้งแม่ทั้งลูก ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วถ้าอยู่กับคนโง่ สูอยู่คนเดียวสูเถอะข้าไปละ”
ว่าแล้วก็ห่อผ้าห่อหนึ่งออกจากบ้านไปหลายที่หลายทางไปพบคนประมาณยี่สิบคน พากันนั่งร้องไห้อึกๆ อักๆ ก็เลยเข้าไปถาม
“สูร้องไห้ทำไม”
“โอ ข้าเขามาสร้างเรือนเสามีทั้งหมดสิบแปดต้น แต่ต้นนี้มันสั้นกว่าเสาอื่น เอามีดพกแทงทำรูเอาเชือกมัดจะดึงให้มันยาวออก แต่มันไม่ยาวออก จะดึงให้มันยาวออกเท่าต้นอื่นก็ทำไม่ได้”
“สูทำไมโง่กันอย่างนี้ คนตั้งยี่สิบคนจะให้มันยาวออกได้ยังไง ถ้าอยากให้มันยาวสูก็ตัดต้นไม่ที่ขนาดเท่ากันมาต่อสิ ยาวเท่าไหร่ก็ได้”
ผู้ชายคนนั้นก็เลยช่วยเอาไม้มาตัดต่อยาวเท่ากัน แล้วก็ออกเดินทางไปพบบ้านหลังหนึ่ง ผัวเมียกำลังขึ้นหลังคาเอาใบตองออก ก็เข้าไปถามว่า
“สูทำอะไรนะ”
“ข้าจะตากผ้า เอาไว้ในเรือนนี้แดดมันไม่ส่อง ก็เลยจะรื้อหลังคานี้ให้แดดมันส่อง”
ชายชราได้ยินดังนั้นก็ถอนใจแล้วบ่นว่า
“สูนี่โง่ หากฝนตกมาไม่ยิ่งแย่กว่าเก่าหรือ ทำไมสูไม่เอาผ้ามาตากข้างนอกเมื่อแห้งก็เก็บเข้าสิ”
สองผัวเมียก็พากันทำตาม แล้วก็เดินทางต่อไป ไปพบผู้ชายคนหนึ่งนั่งเฝ้าหลุม ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก็เลยเข้าไปถาม
“สูมาทำอะไรถึงมานั่งเฝ้าหลุมนี้ “
“โอ ข้ามาลักเกลือเขา คิดจะเอาซักกำมือเดียวเท่านั้น แต่พอกำแล้วข้าก็เอามือออกปากโอ่งไม่ได้”
ชายคนนั้นก็บอกว่า
“สูนี่โง่จริงๆ ปากโอ่งมันเล็กกว่ากำปั้นจะเอามือออกได้อย่างไร ทำไมไม่เทลงแล้วเอาละ” บอกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เอาเกลือออกมาได้ ชายผู้ที่ออกบ้านมาก็มาคิดได้ว่า
“ทั่วบ้านทั่วเมืองเรานี้ไม่ใช่มีแต่ลูกเราเมียเราที่โง่นี่นา คนโง่มีเยอะแยะมาก มาย สองสามคนที่ผ่านมานี้มันก็โง่ คนเราก็ใช่ว่าจะฉลาดเสียทุกคน เดินไปเดินมากูนี่ก็โง่เหมือน กัน เสียเวลามาตั้งนาน แทนที่จะเอาเวลาไปทำไร่ไถนา กลับเสียเวลามาเดินขึ้นๆ ล่องๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไรซักอย่าง”
คิดได้อย่างนี้แล้วก็เลยกลับบ้านมาอยู่กับลูกเมียเหมือนเดิม แล้วพยายามสั่งสอนให้ลูกเมียฉลาดขึ้น ตั้งแต่นั้นก็อยู่กันสบายใจ ช่วยกันทำมาหากินจนร่ำรวย