ถือผี



          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีผีป่าผีดอยอยู่สองดอยด้วยกัน นับถือกันเป็นสหาย
รักกันมาก เมื่อแรกเริ่มที่จะมาเป็นเพื่อนกันนั้นก็กินน้ำ สาบานกันว่า ถ้าใครต้องการจะได้อะไร ถ้ามาหามาขอความช่วยเหลือก็จะให้ได้หมด ยกเว้นแค่ลูกเมียที่จะขอไม่ได้

          วันนั้นก็มีผู้ชายสามคนเป็นเพื่อนกันเดินทางเข้ามาในป่า แต่ละคนก็เตรียมข้าวปลาอาหารกันเพราะว่าจะไปนอนกลางป่า ทั้งสามคนเมื่อเดินมาถึงกลางป่าก็มืดค่ำ ก็ตกลงจะนอนกันกลางป่าที่มีผีตนหนึ่งรักษาอยู่

          สหายคนแรกนั้นถือคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ไหว้หาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วนอนหลับ สหายคนที่สองถือคุณพ่อ คุณแม่ก็ไหว้รำลึกถึงคุณพ่อแม่แล้วหลับไป สหายคนที่สามนั้นถือผี ก็ฝากชีวิตไว้กับธรณีเจ้าที่เจ้าแดนที่นี้ให้ปกปักรักษาแล้วก็หลับไป

          ในคืนนั้น ผีอีกดอยหนึ่งก็มาเยี่ยมเพื่อนผีก็เลยชวนเพื่อนว่า

          “สหาย วันนี้เราไปเที่ยวในป่าด้วยกันไหม”

          ผีดอยนั้นก็ตอบไปว่า

          “โอ วันนี้ข้าไปไม่ได้หรอกเพราะมีแขกแก้วเมืองคนมาพักมานอนที่นี่ ข้าจะต้องอยู่รักษาเขาเลยไปไม่ได้”

          ผีสหายก็เลยถามว่า

          “เขามากันกี่คนเรอะ”

          “มากันสามคน”

          “เออ ถ้างั้นข้าขอเสียคนหนึ่งเถอะ”

          ผีดอยนั้นก็ตอบไปว่า

          “โอ้ ไม่ได้หรอก คนหนึ่งเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า คนหนึ่งก็มีพ่อแม่คอยปกปักรักษา คนหนึ่งก็ฝากชีวิตไว้กับข้านี่แหละ”

          ผีตนเป็นเพื่อนได้ยินดังนั้นก็โกรธ เลยต่อว่าสหายของตนไปว่า

          “ตอนที่สาบานเป็นเพื่อนกันนั้นก็ว่าไว้ว่าไม่ว่าอะไร จะขออะไรก็จะยกให้หมดยกเว้นลูกเมียไม่ใช่เรอะ ตอนนี้ข้ามาขอคนจรนอนป่าก็ไม่แบ่งให้ข้า ลืมคำสาบานไปแล้วเหรอ”

          ผีดอยตนนั้นก็เลยมาคิดว่า

          “เออ คนของข้าก็มีคนเดียวเท่านั้น คนที่มันฝากชีวิตจิตใจกับข้านี่น่ะ ถ้างั้นสหายก็เอาคนนี้ไปเถอะ”

          ผีสหายตนนั้นก็เลยเข้าไปในป่าแล้วแปลงร่างเป็นเสือมาลากเอาคนที่ถือนั้นไปกิน จึงเชื่อกันว่าคนที่ถือผีมันไม่ดีอย่างนี้ จึงไม่นิยมถือผีกัน