คนปากบอน



          กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวสี่คน ลูกสาวทั้งสี่นั้นก็มีความงามน่ารักทุกคน แต่มีความประพฤติไม่เหมือนกัน คนที่ ๑ จิตใจชอบเจ้าชู้ เปลี่ยนเครื่องผ้าเสื้อบ่อยๆ คนที่ ๒ ชอบลักขโมยของๆ ผู้อื่น คนที่ ๓ ชอบจู้จี้จุกจิก คนที่ ๔ ปากบอน ชอบ
นินทาคนอื่น

          ลูกสาวทั้งสี่คนนี้ยิ่งโตขึ้น นิสัยเสียต่างๆ ก็มากขึ้นจนพ่อแม่ทนไม่ได้ จึงไล่ให้ออกไปจากบ้าน ลูกสาวคนแรกนั้นซึ่งมีความงดงามมากนั้นได้พบนายสำเภาลำใหญ่มีข้าวของ
มากมาย นายสำเภาคนนั้นก็เลยพานางไปเป็นเมีย คนที่ ๒ ๓ และ ๔ ก็ได้นายสำเภาเป็น
สามีเช่นกัน แต่คนที่ ๔ นั้นมันชอบนินทา ยุแยงให้คนอื่นทะเลาะกันอยู่เสมอ นายสำเภา
เห็นนิสัยของผู้หญิงคนสุดท้องก็เลยให้เอานางไปลอยน้ำเสีย

          นางคนสุดท้ายลอยไปตามน้ำ ก็มีเหยี่ยวสองตัวบินวนไปมาเห็นนางมีความงามก็ลงมา ช่วยกันคาบขอนไม้ให้นางได้เกาะขึ้นฝั่ง เมื่อนางเกาะขอนไม้บินขึ้นมาบนอากาศแล้ว
ขณะที่เหยี่ยวสองตัวช่วยกันคาบขอนไม้บินอยู่นั้น นางก็ยุแหย่ให้เหยี่ยวสองตัวผิดเถียงกัน
พอเหยี่ยวอ้าปาก ขอนไม้ท่อนนั้นก็หล่นตกลงน้ำไป นางคนนั้นก็ไหลไปตามกระแสน้ำและ
จมน้ำตายในที่สุด

          ต่อมาศพของนางลอยไปติดค้างที่เกาะทราย ร่างกายเน่าเปื่อยผุพังไปเหลือแต่หัวกะโหลก วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งลงไปยังเกาะทรายเพื่อจะล้างมือล้างเท้า ก็มองไปเห็นหัวกระโหลกนั้นยังมีผมติดอยู่บ้างก็เลยเก็บขึ้นมาพิจารณาสังขารและจะได้เอามาสวดแผ่เมตตาให้เจ้าของกระโหลกนั้นได้ไปผุดไปเกิดในที่ๆ ดี ก็เลยนำเอาหัวกระโหลกนางนั้นไปไว้ ตรงหน้าพระประธาน เมื่อพระสงฆ์ในวัดไปสวดแผ่เมตตา ก็สวดไม่เข้ากัน ทะเลาะผิดเถียงกันวุ่นวาย สุดท้ายก็เลยเอากระโหลกนั้นไปทิ้งเสียที่ป่าช้า

          นิสัยของคนปากบอน ปากเสียนั้น แม้ตายไปแล้วก็ยังทิ้งพิษสงให้คนข้างหลังต้องเดือดร้อนไม่หยุด