ดาบกายสิทธิ์



          มีชายทุคตะคนหนึ่ง อยู่ปัญจอาณาเขต ก็คือชนบท บ้านนอกเรานี่แหละ อยู่บ้านก็ขุดดินกินจ้างอยู่ทุกวัน ค้าขายก็ไม่เป็น ขุดบ่อบ้าง ทำนาย้าง ขุดหัวไม้บ้าง ว่างๆ ก็ไปขุดแมงมันขายมีอยู่วันหนึ่ง จะเป็นวันดียามดีอย่างไรไม่รู้ ขุดแมงมันขุดไปขุดมาก็ไปพบดาบเล่ม
หนึ่ง มันก็เอามือชุบน้ำลายขัดดู ก็เหลืองอร่ามออกมา

          "ดาบฝักคำนะเนี่ย ถอดดูหน่อยซิ" ถอดออกมาขาวใสมาก ก็เอาซุกไว้ที่เดิม

          “อันนี้กูจะเอามาไว้ไม่ได้ มันเป็นของพระยาเจ้าเมือง”

          พอเข้าไปในเมืองก็บอกให้เสนาถึงเรื่องราวที่มันเจอ เสนาก็พาเข้าไปในวัง เสนาก็สั่งว่า

          “อย่างเราเข้าไปหาพระยาเจ้าเมือง เข้าไปให้ว่าไหว้สามหาราชเจ้า ข้าเจ้าไปขุดแมงมันที่สันแห่งหนึ่งก็ไปได้ดาบนี้มา”

          มันก็เข้าไปพูดอย่างที่เสนาบอก พระเจ้าแผ่นดินก็ว่า

          “ดูหน่อย ดาบอะไรของมึง “

          “ดาบอะไรก็ไม่รู้ข้าเจ้าดูเหมือนจะดี” แล้วมันก็ชูให้พระยาเจ้าเมืองดู

          “โหะ ดาบอย่างนี้เอามาให้กูทำไม ดาบของกูยังดีกว่านี้ตั้งมากมาย“ พร้อมกับยกดาบขึ้น ไอ้ทุคตะคิดว่าพระยาเจ้าเมืองจะฟันมัน ก็เลยวิ่งลากดาบลงบันใดไป แต่ว่าพอหันมาอีกที ก็เห็นพื้นวังเป็นร่องตามดาบที่มันลากมา พระยาเจ้าเมืองเห็นดังนั้นก็ว่า

          “อ้าว… นี่ไม่ใช่อย่างกูคิดแล้วนี่ เป็นดาบกายสิทธิ์นะเนี่ย ขนาดมันลากทั้งฝักดาบ แผ่นไม้ปราสาทราชวังของกูนี้เป็นรอยไปหมด ซี่บันไดก็หักหมด”

          พระยาเจ้าเองเลยสั่งให้เสนาอามาตย์ไล่จับตัวมา อย่าฆ่ามัน จับเอามันมาให้ได้ ชายทุคตะก็ไม่รู้ ตำรวจทหารไล่ติดตาม มันก็วิ่งเพราะคิดว่าพระยาเจ้าเมืองสั่งฆ่า มันก็วิ่งไป
จนถึงหนองแห่งหนึ่ง หนองนั้นลึกพันวากว้างพันวา มันก็กระโดลงไปว่ายซ้ายว่ายขวา แต่ก็ลำบากเพราะมีดาบติดมาและว่ายไม่สะดวก มันก็เอาดาบที่สะพายมาขว้างทิ้งเสีย ตำรวจทหารล้อมหนองนั้นหมด และจับมันได้ มันก็กลัวสุดขีดตัวสั่นไปหมดทั้งตำรวจทหารต่างก็ค้นหาดาบ

          “ไหน ดาบมึง ๆ เอาไปไว้ที่ไหน”

          “โอ ก็อยู่ในหนองนู้นนะสิ”

          “มึงเอาทิ้งไปทำไม”

          “ก็ไม่รู้ นึกว่าท่านว่าไล่ฆ่า ดาบก็ตกในหนองนะสิ”

          หมู่เสนาอามตย์ก็พามันไปหาพระยาเจ้าเมือง เจ้าเมืองก็ถาม

          “มึงเอาทิ้งลงที่ไหนในหนองนั้นใช่ไหม ไม่เป็นไร ข้าจะให้บ่าวไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหมด ติดถังน้ำคนละใบๆ ให้วิดน้ำในหนอง”

          เจ้าเมืองก็สั่งให้วิดน้ำออกหนองได้เจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวันก็ไม่แห้ง หนองนั้นลึกพันวากว้างพันวาจะทำยังไงให้มันแห้ง ก็ไปเอาหมอโหรามาถามว่า

          “หมอโหรา เราจะทำยังไงให้หนองน้ำนี้แห้ง”

          “เราจะมาวิดด้วยกำลังคนก็ดี กำลังอย่างอื่นก็ดีมันไม่มีทางแห้ง ถ้าจะให้มันแห้ง ไปจ้างผัวเมียที่มันทะเลาะกันทุกวัน เอามาเสียเจ็ดหลังคาเรือนเอามาอยู่รอบหนองนั้น ให้
มหาราชเจ้าเอาคำไปบอกเขาเถอะ มันก็จะทะเลาะกันทุกวัน ไม่เกินเจ็ดวัน ถ้าหากว่าน้ำไม่แห้ง ข้าบาทของเอาหัวเป็นประกัน”

          พระเจ้าแผ่นดินก็ตีฆ้องร้องป่าวสั่งหัวหน้าชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน สั่งกำนัน สั่งนายอำเภอไป

          “บ้านใดครอบครัวใดที่มันทะเลาะผิดกันเถียงกันทุกวัน ให้มันไปอยู่รอบหนองนั้นกูจะเอาเงินเดือนให้”

          ผู้ใหญ่บ้านกำนันก็คัดเอาลูกบ้านที่ทะเลาะกันบ่อยๆ เอาไปอยู่รอบหนองนานได้เจ็ดวัน หนองนั้นแห้งเขินดินเขินทรายก็ได้ดาบผักคำออกมา พระเจ้าแผ่นดินก็ได้ดาบสมใจ บ้านที่คนทะเลาะกันนั้น พระยาเจ้าเมืองก็เอามาประชุมหมดแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านบ้านขึ้นเป็นหัวหน้าชี้แจงให้ฟัง ว่าหนองนี้ลึกพันวากว้างพันวา ชายทุคตะเอาดาบมาตกที่ในนี้ เจ้า
เมืองเอาคนทั้งเมืองมาวิดน้ำออกได้เจ็ดปีเจ็ดเดือนเจ็ดวันหนองก็ไม่แห้ง แล้วเอาครอบครัวที่ทะเลาะกันเนี่ยมาอยู่รอบ เพียงเจ็ดวันน้ำก็แห้ง นี่ถ้าผัวเมียที่ทะเลาะกันทุกค่ำเช้า ทำอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะมันร้อนมันไหม้ เหมือนดั่งหนองน้ำนี่แหละลึกพันวากว้างพันวา เอาคนที่ผิดเถียงกันมาอยู่รอบเพียงเจ็ดวันเท่านั้นหนองนี้ก็แห้งและได้ดาบวิเศษมา

          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่จะอยู่ด้วยกันนั้นต้องมีความเข้าใจกัน ต้องมีความอดทน ถ้าเกิดไม่มีความอดทนนั้นก็จะทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข หรือทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เพราะมัวแต่ทะเลาะกัน และก็ต้องหย่าร้างหรือว่าแยกกันอยู่