เล่ห์กลของขโมย



          ยังมีเมืองๆ หนึ่งเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยแต่ว่าผู้คนในเมืองนั้นเป็นคนที่ใสซื่อ วันหนึ่งมีกลุ่มมหาโจรแอบมาดูลาดราวยังในเมืองถึงความเป็นอยู่ว่าเป็นยังไง เพื่อที่จะ
เข้าปล้นเมือง พอเจ้าโจรทั้งหลายมาดูและเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปวางแผนการเข้าปล้นเมืองกัน

          คืนหนึ่งเจ้าโทรทั้งหลายก็เขียนประกาศไปติดเอาไว้ที่ตลาดซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองพอรุ่งเช้าชาวเมืองทั้งหลายก็เข้าตลาดเพื่อที่จะไปจับจ่ายก็เห็นประกาศที่ติดเอาไว้ทั่ว
ตลาด เด็กน้อยคนหนึ่งลูกเศษฐีคนหนึ่งในเมืองก็เอาใบประกาศนี้กลับมาให้กับพ่อของตนอ่านที่บ้าน

          “พ่อๆ ประกาศนี้เขียนว่าไงนะ”

          “ประกาศนี้บอกว่าอีก ๗ วัน ยักษ์จะมาที่เมืองนี้จับคนกินเป็นอาหาร ให้รีบตักน้ำกินกักตุนอาหารเอาไว้แล้วอย่าออกนอกบ้าน ถ้ามีเสียงดังอะไรหรือว่าเสียงประหลาด ก็อย่าออกบ้าน ถ้าเกิดออกจากบ้านยักษ์มันจะจับกินเป็นอาหาร... ไอ้ลูกชายรีบไปบอกคนของเราให้เตรียมตัวไปเร็วๆ”

          ลูกชายของเศรษฐีก็รีบไปจัดการตามที่พ่อของตนเองสั่ง หลังจากนั้นเจ็ดวันครบกำหนดที่ยักษ์จะมาเมืองนี้ทั้งเมืองนั้นเงียบราวกับไม่มีใครอยู่เลย ทุกคนในเมืองปิดประตูบ้านอยู่ในบ้านกันหมดเพราะกลัวที่ยักษ์จะมาและจะจับตนเองกินเป็นอาหาร ต่างก็อยู่ในบ้านปิดประตูอย่างแน่นหนา พอตกค่ำก็ได้มีเสียงดังกุกกัก เสียงดังโครมคราม หรือว่าเสียงแปลกๆ ดังขึ้นมาทั้งเมือง คนในเมืองก็ไม่มีใครที่จะออกมาดูซักคนเพราะคิดว่ายักษ์มาที่เมืองของตน จนถึงรุ่งเช้า ทุกคนไม่ได้ยินเสียงอะไรก็คิดว่ายักษ์เหล่านั้นไปจนหมดแล้ว ก็ต่างพากันออกมาดูภายนอกบ้านเรือนของตนว่าเกิดอะไรหรือว่าเป็นยังไงบ้างหลังจากที่ยักษ์ได้เข้ามายังเมืองของตนเอง

          มื่อทุกคนออกมาก็ต้อตกใจเพราะว่าข้าวของ ช้าง ม้า วัว ควายและทรัพย์สินหลายอย่างในเมืองในบ้านนั้นหายไป ทำให้เมืองนี้จากเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวยก็กลับกลายเป็นเมืองที่ยากจนข้นแค้น เพราะถูกโจรเข้ามาปล้นเมืองกวาดเอาทรัพย์สินจนหมดเมือง

          นี่คือผลที่ได้รับจากการที่หลงเชื่อคนง่ายและไม่ใช้สติ และปัญญาในการคิดพิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อนที่จะเชื่ออะไร