นิทานเมืองเงี้ยว



          มีศรัทธาชาวบ้านมาที่วัดแล้วเข้ามาถามท่านเจ้าอาวาส เขาบอกว่าพระสงฆ์สองรูปเรียนจบพระธรรมมา รูปหนึ่งจบแล้วหนีเข้าป่าเข้าดง โลกนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรซักอย่าง อีกรูปหนึ่งอยู่บ้าน รูปที่อยู่บ้านได้กินเนื้อปิ้ง ลาบ แกงอ่อม ไปไหนได้ขี่รถ เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมีการถามว่ารูปหนีเข้าป่ากับรูปที่อยู่กับบ้านใครจะดีกว่ากัน ท่านก็บอกว่า

          “ถ้าเข้าโบสถ์ เข้าอุโบสถ แล้วนั้นดีทั้งสอง”

          คนถามก็ถามว่า

          “มันก็ถูก ผมยังไม่ได้เป็นทิดผมยังไม่ได้บวช ไม่ได้เข้าอุโบสถ ขอถามท่านว่าพระสงฆ์สองรูป รูปที่หนีเข้าป่านั้นรู้จบหมดทุกอย่างละ รูปอยู่บ้านก็รู้จบเหมือนกัน รูปที่อยู่บ้านนั้นได้กินดีอยู่ดีได้เห็นหลายอย่าง รูปที่เข้าป่านั้นยอมตาย ยอมให้เสือกิน งูจะขบก็ตาม ยอมทุกอย่าง สองรูปนั้นรูปไหนจะดีกว่า”

          ท่านก็บอกว่า

          “ถ้าเข้าอุโบสถแล้วดีทั้งสอง”

          “โฮะ ขอให้เหลือรูปเดียวเถอะท่าน”

          พระสงฆ์ก็ยังบอกว่าดีทั้งสอง มันก็เลยหนีไปนั่งกับพวกของตนเอง ทีนี้มันก็เข้าไปอีก

          “โอ ผมขอถามท่าน พระสงฆ์สองรูปๆ อยู่บ้านกับรูปอยู่ป่า รูปไหนดีกว่าดีกว่ากัน ท่านก็ไม่ตอบผม ท่านก็ว่าดีทั้งสอง ผมขอให้เหลือรูปเดียวนะ”

          พระท่านก็บอกว่า

          “โอ้ พ่อออกศรัทธารู้ยังไงก็ว่ามาเถอะ เข้าโบสถ์แล้วมันก็ดีทั้งสองนั่นแหละ พ่อออกศรัทธารู้ยังไงก็ว่ามา”

          พ่อออกศรัทธาก็อธิบายว่า

          “พระสงฆ์รูปที่อยู่ในป่านั้น ท่านหน่ายโลก เอาตัวเองรอดครับ ถ้าตายความรู้ที่เรียนมาก็เอาไปเน่าทิ้งหมด ตนอยู่บ้านนี้ดีครับไปไหนก็ได้ขี่รถ กินเนื้อกินปลา ความรู้ท่านเอามาเทศน์ในวิหารนี่แหละ เขาทั้งหลายได้รู้ได้จดจำเอาไปสอนลูกสอนหลาน เขาสามารถทำให้
คนห้าหกเจ็ดร้อยมาฟัง เพื่อที่จะสั่งสอนคนเราให้ปฏิบัติ ขนาดพระพุทธเจ้าปรินิพพานไป
แล้วยังกลัวว่าคนเรานี้ จะไม่เข้าถึงนิพพานท่านจึงให้สาวกท่านสั่งสอนพระธรรมของท่าน
เพื่อมนุษย์เราทั้งนั้น พระธรรมนั้นดีกว่า”

          “พระธรรมนั้นดีกว่ายังไง”

          “ดีกว่าสิ มันดีกว่ามันรู้มาก คนรู้มากก็จะได้ไปกับพระพุทธเจ้า”