หงส์หิน



          เจ้าพญามีเมียสองคน เมียหลวงท้องและคลอดลูก นางเมียน้อยก็แอบเอาหมามาเปลี่ยน เอาเด็กน้อยโยนลงจากปราสาท พญาอินทร์ก็มารับเอาเด็กน้อยไปเลี้ยง นางเมียหลวงก็ร้องไห้เสียใจ เจ้าพญาก็ว่าขึด ก็ถูกไล่ออกจากบ้านจากเมือง ไปอยู่กับ ๒ ตายาย เลี้ยงลูกหมาไปเพราะคิดว่าเป็นลูกของตนเอาข้าวเอาน้ำให้กิน เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาเจ้าหงส์หินที่พญาอินทร์เอาไปเลี้ยงก็ถามหาแม่ จะไปอยู่กับแม่ พญาอินทร์เล่าความจริงให้ฟัง และส่งมาหาแม่ที่กระท่อมน้อยของ ๒ ตายาย นางวิมาลาเห็นก็ไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าลูกเป็นตน นางก็คิดว่าลูกตนเป็นหมา เจ้าก็เล่าให้แม่ฟังหมด นางก็ไม่เชื่อว่าไม่ใช่่ เขาก็ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าเป็นแม่ขอให้น้ำนมพุ่งมาที่ปาก น้ำนมก็พุ่งมาเข้าปากเจ้าหงส์หิน นางวิมาลาก็ดีใจ ก็รับต้อนเอา ส่วนลูกหมานั้น เจ้าหงส์หินก็ว่า

          “แม่เคยให้มันกินอย่างใดก็หื้อกินอย่างนั้น แม่อย่าให้นอนฝุ่นนอนดิน ทำที่อยู่ที่นอนให้ที่หัวบันได อย่าละทิ้งขว้างมันนะ “

          อยู่นานไปเจ้าหงส์หินก็อยากที่จะเข้าไปเที่ยวในเมือง จึงบอกแม่ว่า

          “ฮ้า แม่ จะไปเที่ยวในรั้วในเวียงสักหน่อยนะ “

          “ห้ามไปนะ เขาคิดที่จะฆ่าลูกตั้งแต่อยู่ในท้องนะ"

          “ห้ามสองสามครั้งก็ว่าจะไป ข้าไม่กลัวอะไรข้ามีดาบศรีกันไชยกับหงส์หิน"

          เจ้าหงส์หินก็ไปที่เมือง ไปเจอเด็กรุ่นเดียวกันหกคนเล่นมะนินคำก็เข้าไปดู ใคร่เล่นแต่ว่าไม่มีเหมือนคนอื่น วันค่ำ มาก็มาว่าหื้อแม่

          “แม่ ขอแม่เซาะมะนินคำหื้อลูกสักแก่น ลูกจะไปต่อตั้งเอามา” แม่ก็ว่า

          “สักเท่าขี้เล็บจักมาหมายจำ สายคอคำแม่ยังหาบ่ได้ เปิ้นเป็นลูกเศรษฐี ลูกจะไปเอี่ยงเปิ้น “

          โท้ มันก็ใคร่ไปแหล่ มันละอ่อนมอกร้ายล่อ แม่มันไปเก็บมะนินแดงที่ไหนบ่รู้มาหื้อแก่นหนึ่ง มันก็ฟั่งเอาใส่ถงไว้ วันพูกจะเอาอันนั้นไปขว้างของเปิ้น มันก็ไปแหล่บ่สามบ่สี่ไปจกมะนินแดงมันไปหวดมะนินคำเปิ้นถูก หมู่หกคนเก็บไปขว้างว่า

          “อันหนึ่งมะบ้านินแดง อันหนึ่งคำเปิ้นแป๋ง บ่ผ่อกอยแยง คนนี้ผู้บ้า กอนตัวได้สินขาดทุนข้า จะเอาหยังมาเตี่ยมนั้น “ เปิ้นก็เก็บไปขว้างเสีย มันก็ว่า

          “ข้าขอเอาตัวข้าบ่อง ข้าขอมะนินคำสูแก่นหนึ่งกอนว่าข้าได้มะนิน ข้าจะเอามะนินแทนคืนกอนข้าบ่ได้มะนิน เอาข้าไปเป็นข้าใช้คนใช้ ตักน้ำอาบหาบน้ำซ่วยสูเหีย”

          มันว่าอี้หื้อเปิ้นแหล่ เปิ้นก็เอามะนินหื้อแก่น โทะ ขว้างกำใดก็ เพียะ ก็หองคำของเปิ้นล่อ แม่เปิ้นเป็นเมียหลวง ของเปิ้นแคนนักก่า ขว้างหมดตกหมดเสี้ยงแล้ว บ่มีสังจะเล่นต่อ มันก็เอามะนินแทนคืนเหีย ค่ำมาก็ว่า

          “ข้าจะเมือละ”

          เขาก็บ่รู้ว่าเป็นลูกเมียหลวง บ่หันสักเตื้อ พญาอินทร์เลี้ยง

          “ข้าจะเมือละ แม่ข้าจะกองหา แม่ข้าจะไห้ “

          หมู่หกคนนั้นก็ว่า

          “วันนี้เจ็ดวันแล้ว ยักษ์จะลงเฝ้าต้นตาลปากประตูเมือง หน้อยก็ช่าง ใหญ่ก็ช่าง มันบ่ไว้ชีวิตสักคน บ่ถ้าไป นอนกับหมู่ตูนี่ วันพูกค่อยเมือ “

          “บ่กลัว ข้าบ่กลัว ช้างใหญ่แท้ยังลงกับหมอ ขอเล่มเดียวเถี่ยนเท่ากิ่งก้อย พริกหลวงพันห้าร้อยบ่เท่าพริกหน้อยฟายมือ “ มันว่าหื้อไอ่หมู่หกคนนั้นนา หมู่นั้นก็ว่า

          “โอ มันบ่ไว้ชีวิตหื้อนา”

          มันก็บ่ฟัง ลู่เมืออยู่ ซักพ่องหมู่ทั้งหลายก็ว่า

          “ว่าบ่เป็น ปากมันดูร้าย ใจแกร่งกล้าเต็มที กึ๊ดฮอดล่วงแล้วเล่นมะนินจี๋ หลายนาทีสู้มันบ่ได้ ความรู้บ่ดี ความรู้เต็มไส้ ไผหยั่งในมันบ่ตึ๊ก ตายยังหื้อรู้วันพูกนี้ มันตึงจะมา มะนินคำมันก็เอาไปหมดแล้วความรู้มันเราหยั่งบ่ตึ๊ก “

          ตกวันพูก โอ๊ ไปอยู่ปางท่าก๊อกง็อกแล้วฮ้องเขาแล้วกำนั้น

          “มา มาเวย ๆ อ้ายจายใหญ่ ฆ่ายักษ์ยังบ่ตาย ปิ๊กป้อกป้ายคืนมา “ ลงมาถาม บ่เล่นสัง มาถาม

          “เมือทางใด ยักษ์บ่กิน มันบ่ไว้ชีวิตหื้อสักคน”

          “เออ ข้าฆ่าตายแล้ว ยักษ์นะ”

          “โฮะ บ่ใช่ก้า ได้หลายสิบเจ้นคนแล้วไผฆ่าบ่ได้ ไป ไปกอย”

          มันก็พากันไปกอย ยักษ์ตายหั้น น้องหล้าเปิ้นก็เอาปืนเล็งเข้า ก็บ่ว่าอย่างใด บ่ดิ้นบ่ท้วง เยียะอย่างใดก็บ่ดิ้นบ่ท้วง มะยากเจ้าเข้าไปเอาตีนเขี่ยว่า

          “ตายแล้ว เจ้าฆ่ายักษ์ตายแล้ว จะไปว่าเจ้าฆ่าเน้อ หื้อว่าหมู่ตูหกคนฆ่า ตูจะเอาคำจ้างคนพันคนพัน”

          ก็เอาคำหื้อคนพัน

          “จะไปว่าเจ้าฆ่าเน่อ หื้อว่าหมู่ตูหกคนฆ่า จะไปอู้หื้อไผ” มันก็บ่อู้ มันก็ได้คำหกพันนั้นแล้วลู่ มันก็บ่อู้หื้อไผ หมู่นั้นก็เอาเลือดยักษ์มาทาตัว เมือแหล่ เมืออวดหื้อบ้านเมือง ไปอวดหื้อพ่อหื้อแม่ชาวบ้านชาวเมือง”

          “ยักษ์ได้หลายเจ็ดเจ้นคนแล้วบ่ตาย ตูเอาตายแล้ว” มันว่า พ่อก็กวดกัน ร่อนหนังสือบ้านหนังสือเมืองแม่เฒ่าไปตกโหล่งเมืองยักษ์ ยักษ์ลักไปได้ซาวปีปลายแล้ว ยังบ่มีไผไปเอา ลูกหมู่นี้ฆ่ายักษ์ตาย แพ้ยักษ์หมดจะหื้อไปตวยเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์ อู้กันแหล่ หมู่หกคน
ก็อู้กันเมื่อวันแล้ว

          “เอ เราจะเยียะอย่างใด เออ เราไปขออ้ายชายใหญ่ยักษ์นั้นละ”

          “มันจะบ่ไปหุ แม่มันบ่หื้อไปหุ”

          “ไปขอ ปากเราก็ขอ มือเราก็ไหว้ มันหล้างหันค่าคำใบ้แผ่นปั๊บ ถ้าแล้วหื้อหกพันจ้างฆ่ายักษ์คำยังบ่พอดี ถ้านี้คำแดงค่าแพงบ่หน้อย ปากเราก็ขอ มือเราก็ไหว้”

          “กลัวแม่มันบ่หื้อไปนา วันพูกเราลองไปถาม มันตึงจะมาปางหั้น”

          ลุกมา ก็ก๊อกง็อกหั้นแล้ว ก็ถาม

          “ตูขอจ้างไปเมืองยักษ์แหมกำ จะหื้อแหมหกพัน”

          “เอ ข้าบ่เอาเตื้อ ข้ากลัวแม่ข้าบ่หื้อไป”

          เขาบ่รู้จักว่าเป็นลูกนางวิมาลานะ พญาอินทร์เลี้ยง

          “กลัวแม่ข้าบ่หื้อไป” ก็ไหว้ ขอก็ขอ นั้นก็ว่า

          “ข้าบ่เอาเตื้อ จะไปถามแม่ข้าก่อน”

          กอนมันบ่ไป มันจะได้เมียหว่า มันลุกนี่ไปเมืองยักษ์มันจะได้เมียสามคนอยู่สู่ ได้ไปหนทางนะ เมียเปิ้นมีปุ๊นกรรมเวรเปิ้นมีทางปุ๊น ไปหาแม่ก็บอกแม่ว่า

          “แม่ เขาขอจ้างไปเมืองยักษ์ เขาจะหื้อแหมหกพัน”

          “ แม่บ่หื้อไป แม่บ่หันสัง เงินคำแต๊ตั๊กแม่รักเท่าลูกหล้าแม่คนเดียว เป่อเล้อเป่อ เต๋อตัวศัตรูเปิ้นพองใคร่ฆ่าเท่าเมื่อมาดาอยู่ท้อง แม่บ่หื้อไป แม่บ่หื้อไป”

          พ่อเทวดาเปิ้นก็จำใจ กรรมเวรมันตึงมีทางนั้นล่อ จำใจเอาหมอโหรามาลง

          “เจ้านี้ร้ายก่อนดีลูนไปนี่จะได้โชคได้ลาภกำปีกคืนเมืองยักษ์มา จะมามรณาแหมกำหนึ่ง เปิ้นจะฆ่ามัน”

          มันก็ไปแหล่กำนั้น แม่มันก็บ่ช่างห้าม ไปก็ไปก็บอกหื้อหมู่นั้น

          “วันพูกจะไปแป๋งตูบแป๋งปางอยู่ผากน้ำแม่ทะเลเรือข้ามเปิ้นไปทางบน เปิ้นบ่ลงทางน้ำ สูไปแป๋งตูบปางท่าวันพูกข้าจะไปละ”

          หมู่นั้นมันข้ามไปบ่ได้ บ่เหลืออู้กันเมื่อคืน บ่ได้มาอู้เจ้าเตื้อ นอนงีบหลับไปร้องกันสนั่นปั่นปื้นยักษ์ไล่ บ่ทันไปเตื้อ มันก็ไปเอิ้น ขี่หงส์หินมันซวาดทางบน เอิ้นว่า

          “ฮอดเจ้นข้าบ่มาจะไปเมือเน่อ” โท้ ไหว้ขึ้นซ้องเหีย หกคนนั้นนา จ่มว่า

          “โอ คนอย่างเรานะ มันเป็นมนุษย์จุ่มใต้ เราเป็นคนรวยทาสใช้มัน” ก็กำเปิ้นปิ๊ก คืนมาว่าบุบเปิ้นแหมอยู่ ไหว้ตวยซ้องเหีย หงส์หินก็ไปแหล่ พอเข้าดงคนเดียวก็ฮ่ำไฮว่า นกจูต้นพ่อเฮยจับเฟยไม้ร้อง เสียงคู่ก้องเหมือนคน ว่าเจ้าเฮยเจ้า เจ้าเข้าไพรสณฑ์ จะไปปะจวบจน
ใส่เมียใส่โชคใส่ชัยอยู่เหลียวไปผ่อ เป็นว่านกฟู่ได้ สมัยก่อนนกก็ปากคำคนพระเจ้าก็ปากคำคน
เปิ้นสร้างมาหื้อคนบ่าเดี่ยวหันพระเจ้าชุดนั้นตายแล้วละ เจ้าก็เข้าไปติก ๆ ขี่หงส์ไป ไปหันคอกเป็นปั้วะเป็นปวงนักล้ำ ก็ว่า

          “สลิดสะลักวิธูรกาหลง หอมทั่วดงพี่เก็บมาส้อม เอาห้อยคอหงส์วาดวงได้อ้อม แขนนารีวันนี้”

          ก็ได้ไปห้อยแท้ ไปปะเมียหลวงวันนี้ลู่ เข้าไปหาเมียหลวง ไปหาผาสาท เมียหลวงก็ฟั่งรับฟั่งต้อนเมียเปิ้นนะ ว่าวันนั้นนะ ผียักษ์ปอยหลวงผีเย็นยักษ์จูงมาเข้า เข้ามาผาสาทนี่ มาพักยั้งนี่ นี่ว่าสะป๊ะสะเป้ด ฮ่ำฮิฮ่ำไฮรักล้ำ อู้กันแล้วก็ฮ้องพ่อลุกผาสาทปุ๊นมา พ่อมาหันก็รักล้ำแหม เปิ้นเป็นหน่อเปิ้นเป็นเจ้า พ่อก็รักล้ำ มัดมือเอาเป็นลูกจาย มัดตีนมัดมือเอาเป็นลูกเป็นเต้า วันพูกมันจะไปละ แจ้งมามันก็ขอล่อ ขอลาเมียมันนะว่า

          “พี่ขอลาน้องไปตวยเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์” เมียก็ว่าหื้อสะป๊ะสะเป้ดแหล่

          “เออ สมว่าเขาว่าเป็นเมียพลางห่อเข้า พระองค์เราบ่รัก”

          “พี่รัก พี่ไปพี่จะมารับเอา “ ก็ขอไปตวย

          “เอ้อ เมืองยักษ์เปิ้นบ่หื้อไป” ขอลาเมียแล้วก็ว่าแหมว่า

          “พี่นี้อาชญาเต๋ง ขอน้องจุ่งร่ำเปิงถี่ถ้อย การจำเป็นใช่การเล็กหน้อยเหมือนขึ้นดอยชันลากล้อ ขอลาไปก่อนพี่จะมารับเอา” มันก็บ่แล้วใจ ฮ้องพ่อมันมา

          “เจ้าขอลาไปตวยเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์ ลูกขอไปตวย”

          “เอ้อ เมืองยักษ์แม่ญิงบ่ไป เปิ้นไปรบไปพุ่งกัน บ่ไปละ หื้อเจ้ามารับเอา” พ่อก็ว่าหื้อลูกจายแหล่

          “ลูกรักพ่อนี้เหมือนดั่งดวงแสง ซ้ำได้คำแดงมาแป๋งขอดห้าง หื้อกึ้ดไปยาวสาวไปกว้าง จะไปทิ้งขว้างตาย เจ้าไปแล้วนี่ ขอหื้อไปดีมาดี โชคดี”

          เคราะห์นามตามใต้หยังสะป๊ะมันปันหื้อลูกจายมันละ ขี่หงส์แวดพ่อมันสามรอบ ก็ไปแล้ว ไปปะศรีจันตาแหล่กำนั้น ขึ้นไปแหมก็รักล้ำแหมเมาะ ฟู่จะเอานั้นนะจะเอาละ รักล้ำว่าพี่จูงมา ฮ้องพ่อลงมา พ่อลงมาก็มาหัน ก็รักล้ำแหมละมัดตีนมัดมือเอาหั้นแหม อยู่ได้คืนเดียวต๊ะอั้นนะ คนไหนนะ วันพูกก็ลาเมียแถมละ ก็ลาเมียมันว่า

          “พี่ขอลาน้องไปก่อน พี่จะไปตวยเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์” เมียมันก็ว่าแหมว่า

          “สมว่าเปิ้นว่าเป็นเมียพลางห่อเข้า พระองค์เรา ว่าอย่างใดก็บ่ฟัง ว่าหื้อเมียว่าเหมือนกันกับเรือ กันไหลล่องใต้ แต๋มบ่พายตวยถ่อค้ำ มีที่ไหนเรือจักขัดน้ำ ย่อมไหลล่องใต้ไปเองนี้การรีบร้อน ย้อนอาชญาเต๋ง ขอน้องจุ่งเล็งร่ำเปิงถี่ถ้อย”

          จะไปตวยเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์ บอกหื้อพ่อมันลงมา มาก็ปันพรหื้อแกม ไปแหม ไปปะเมียแหม ไปหาเมียปลายศรีจุลกันธา อยู่ถัดเมืองยักษ์หั้นละ เอาหั้นแหม ได้แล้วก็อย่างอั้นนะ ฮ้องพ่อมันมามัดมือมัดตีน ก็ไปแหล่กำนั้นจะไปปะแม่เฒ่าละ มันจะเหมือนแม่อุ๊ยบ่าเดี่ยวนี้ละ เอาไม้เท้าเป็นแรง นั่งอยู่คนเดียว เป็นว่ายักษ์นี่มันเซาะหากินเมื่อวันลู้ ไปหมดตึงหน้อยตึงใหญ่ ไปเซาะกิน ไปหันแม่เฒ่านั่งจ็อกป็อก ก็เอิ้นแหล่

          “บ้านเหล่านี้ตูบตั้งเป็นสาย บ่มีป้อจาย ไปไหนหมดเสี้ยง มีเท่าแม่ยายมานั่งหมองเหมี้ยง อยู่คนเดียวป่าไม้”

          “เฒ่าแก่แล้วหันพระองค์หน่อไท้ สาฮอดสู้ยินดีแม่มาอยู่ป่าไม้ได้พอซาวปี บ่หันหน้าลูกหน้าหาน บ่หันไผสักคน หลานมาเยียะหยังนี่ ยักษ์ไปเซาะกินเมื่อวี่เมื่อวันเขาไปหมด กอนเขาได้จิ๊นได้ปลามาก็มาสู่กันกินตึงดิบตึงแดง ตึงหน้อยตึงใหญ่ แม่ก็จนใจไปขอมาแป๋งส้ม กินไปพลางทุ่นท้อง “

          โอ้ มากึ้ดอินดูแม่เฒ่าแหมละ

          “กอนเจ้าจะอยู่นี่เมินบ่ได้ กำเดียวยักษ์จะมาปะ ยักษ์จะเอากิน เจ้าจะบ่ได้ปิ๊ก คืนเมือ “ มันก็บอกหื้อแหล่กำนั้น

          “ปิตาพ่อใช้ เร็วรีบได้มาเอา แม่เฒ่าเดี๋ยวนี้อย่าหม่นหมองเหงา หลานจะเอาเมือเมืองละ”

          “เฮ้อ แม่เมือบ่ได้ อยู่ตึงวันไม้เท้าเป็นแรงทุกวันจั้น ๆ ซ้ำเป็นอรัญป่าเลิ้ก ที่ไหนจักถึงบ้านเมืองรอดตึ๊ก ลุดแต่เจ้าเอาไป” หองมันมีหงส์หินกับดาบศรีกันไชย มันเอาซ่อนแล้วล่อ มันก็บอกแม่เฒ่าแหล่

          “จะเอาแม่เฒ่าขี่หงส์หิน”

          “อื่อ ขะใจ๋ยักษ์จะมาทัน” มันก็เก็บครัวแม่เฒ่า เก็บอะหยัง บุบหม้อน้ำหม้อหนองยักษ์แตกหมดถีบหอถีบเรือนเปิ้น เอาแม่เฒ่าเหาะแหล่กำนั้น ไปแผวข่วงน้ำหั้น ก็ว่าหื้อเมียสามคนว่า

          “อยู่นี่ท่าพี่ ไปผากปุ๊นบ่ได้ เขาจะลู่ เขาหลาย อยู่ฝั่งนี้ท่าพี่ พี่จะเอาแม่เฒ่าไปส่งฝ่ายปุ๊น หื้อเขาเอาแม่เฒ่าเมือแล้ว จะปิ๊กมาเอา”

          ก็ละสามคนอยู่หั้นท่า เอาแม่เฒ่าไปส่ง พ่องก็เก็บชิ้นช้างชิ้นม้า พ่องก็บุบเจ้าตายหันแหล่ โอ้ สามคนก็อยู่กองว่า พากันไห้ว่า

          “โอ เจ้า นับสามโมงฆ้อง เหงี่ยงค่อนป๋าย ๆ ฤาจอมองค์จายเลยย้ายแหล่งหล้า ไปหาพ่อหาแม่เปิ้นแล้ว มาละเราทั้งสาม หมู่จุมตูข้า สามเราราพี่น้อง จะเยียะใด”

          พญาอินทร์ยกผาสาทข้ามแหล่กำนั้นไป หองผัวก็ตายกึ่งดึ่งหั้น หมู่ช้างหมู่ม้าเปิ้นก็เอาแม่เฒ่าไปแล้วเข้าไปแหล่ เข้าไปหาเข้าไปไห้หวันกันหั้น

          “จุลกันธานาฏน้องหอบหัตถา ศรีจันตากอดพระบาทเจ้า มุขวดีหอบองค์หน่อเหน้ากับอกเราแม่ไท้ว่าโอ๋ยทุกขัง ลุกดงป่าไม้ หล่ายแวดอ้อมตวยมา หมายเปิ้งบาทท้าวเป็นสามีก๋า มามรณาเมือมรณ์ม้วยหน้า”

          ไห้กอดกันฮ่ำฮิฮ่ำไฮ ก็ว่าจะเผาหื้อเสี้ยงซากแล้วจะวิ่งเข้าไฟ จะวิ่งเข้าอัคคีก็ตายตวยกัน พญาอินทร์นะลองใจเมียสามคนนะก่า แต่งตัวเข้ามาเหมือนเจ้านะงามอย่างอั้น หนุ่มน้อยมอกอั้น ว่าหื้อนางสามคน

          “เอ้อ ตัดใจเสียหื้อเสี้ยงที่รส กรรมเปิ้นหล้างมาทัน เมือตวยพี่เต๊อะ เมืออยู่กับกัน พี่หันจักดีเหลือที่มาไห้ น้องจะเอาลาภผลสิ่ง ใดก็ได้ มหาพารามั่งเต๊าเงินคำมีป่าเลอะป่าเต๋อ”

          “บ่เอา บ่ใคร่ได้เงิน บ่ใคร่ได้คำ รักเท่าผัวคนเดียว จะเผาแล้วจะวิ่งเข้าอัคคีละ” ขออย่างใดก็บ่ได้ เลยปิ๊กเข้ามาแหม เป็นยักษ์เข้ามาแหมละ มาขอกิน

          “ขอกินซากศพ ซากเจ้าเขาเต๊อะ”

          “บ่หื้อ กอนเจ้าจะกินผัวรักแห่งน้อง แหนมกินตูข้าสามคน” แล้วก็เอาตัวเข้าจู

          “กำลังเลือดร้อน เลือดแดงหวานๆ ส่วนเจ้ากุมารตายพอกระด้างแล้ว ข้าจะเผา”

          ขออย่างใดก็บ่ได้ ปิ๊กออกไปเหีย ออกไปแล้ว กำนั้นพ่อพญาอินทร์ เปิ้นจะมาแหล่ จะมาเอาลูกเปิ้นคืนแหล่ หองเปิ้นส่องหันทั่วโลกลู่ลงมา ก๋ำน้ำต้นคนที ก๋ำยามา ไปเซาะยามา โท้ พากันไหว้นบไหว้น้อมพ่อพญาอินทร์นะ บ่รู้จักเตื้อพ่อพญาอินทร์เจ้าเปิ้นนา เผื่อเปิ้นสว่างแล้ว เปิ้นรู้เป็นพ่อเปิ้น เอายาใส่ปากหื้อ ว่าแล้วก็ใส่ปากหื้อ ลูบหัวลูบหน้า ตบหน้าตบตาหื้อแล้วก็ผะหลาดลุกนั่งจ็อกป็อก ไหว้นบแหล่สามคนเขา เจ้ามันรู้ว่าเป็นพญาอินทร์นะก็ว่า

          “ขอหื้อเมือแผวพาราแหล่งหล้า จักปิ๊กคืนมาน้อมนบ มาปู่จาคุณขอหื้อจวบพบ เมืองปู่เจ้ามีที่ไหนจา”

          พระยาอินทร์ก็บอกกำนั้นว่า

          “พ่อบ่ใช่คนลุ่มใต้ อยู่สวรรค์ชั้นฟ้า” ลูกเปิ้นรู้แล้ว ปันพรเจ็ดประการหื้อลูกสี่คน

          “ไปสุขสวัสดี ไปอยู่รักกันแปงกัน อยู่ดี ๆ บ่หื้อได้เจ็บได้เป็นอะสัง บ่ถ้าสมนาคุณ พ่อบ่ใช่คนลุ่มนี้”

          ลูกเปิ้นรู้แล้ว เป็นพ่อพญาอินทร์ ก็พากันเมือแหล่ไปแผวเรือนก็ขึ้นแหล่ ลูกไป๊สามคนก็ขึ้นเรือน แม่ผัวมาจุ๊กันหั้น อู้กันแหล่ แม่ผัวมันก็ออกมาถาม นางวิมาลานะ ออกมาถาม

          “ผู้ใดชื่อใดมาเป็นลูกเต้า แม่ใคร่ยินคำถี่ชัดมุขวดีบอกแหนถี่ชัด ว่าต่างคนต่างบ้านต่างเมืองเมื่อเจ้าลูกรัก แม่เข้าไพรสณฑ์ ไปปะจวบโดนใส่ตัวข้าเจ้า”

          คนบ้านคนเมืองลำดับหื้อ มันเป็นเมียหลวงปะหัวทีล่อ แม่สอนแหล่กำนั้น

          “ขอเจ้าลูกรักแม่จะไปปลงเหลือ หื้อเหมือนดั่งเครือวงศ์เดียวร่วมไส้ รักกันแปงกัน ผัวแปงที่ไหว้ผู้ใดว่าใดล่วงล้ำ หื้อเหมือนอยู่ร่วมจองเดียวกันเป็นพี่เป็นน้อง”

          ขอบ่หื้อลูกเมือ ลำดับสะป๊ะสะเป้ด อยู่เมินไปสักหน้อย แม่เฒ่าก็ไห้หาแหล่ อยู่ไป แม่เฒ่าก็บ่กินสัง ง่อม ข้าวก็บ่ใคร่กิน น้ำก็บ่ใคร่กิน ง่อมล้ำหันหมู่หกคนแล้ว คนนั้นตึงหายตา ลุกเมืองยักษ์มาตึงบ่หัน ผ่อหาวันใดก็บ่หัน ลูกมันก็ไปถาม

          “แม่จะใด มาอยู่กับลูกเต้า ฤาว่าแม่เจ็บเนื้อเจ็บตัว ประชวรสนตัว เจ็บหัวเจ็บเกล้าก็บอกหื้อลูก ฤาว่าของกินแม่บ่เคยกินกับเข้า เคยกินหมากมันลูกไม้กาลูกจะไปเซาะหื้อกิน

          “บ่ใช่จะนั้น แม่ง่อมหาหลานที่เอาแม่เฒ่าลุกเมืองยักษ์มา”

          “เหอะ หกคนนั้นบ่ใช่กา”

          “บ่ใช่ แม่ยังบ่เคย หลานคนนั้นเอาแม่ขี่ทับ แม่หงส์บินเฉย แม่เคยเหลือหกลูกเต้านี้ แม่ได้หอบเหงื่อตุมไคลมา แม่บ่หันหน้าสักกำเตื้อ ตั้งเต้าออกจากเมืองยักษ์ ข้ามน้ำพ้น แม่ตึงบ่หันแหม หมู่หกคนแม่ตึงบ่เคยเซาะหาบ่หัน”

          “บ่าเดี่ยวนี้แม่จำได้กา คนนั้นนะ หน้าตากิริยาแม่จำได้กา”

          “แม่จำได้ แม่บ่หลงบ่ลืม เอาแม่ขี่หงส์ซ้อนมา ได้กอดได้หวัน ได้หอบเหงื่อตุม ไคลมาแม่บ่ลืม”

          “เออ หมะหยั้น เอ้า จะมัดตีนมัดมือแม่เฒ่าลุกเมืองยักษ์มา ร่อนหนังสือกู้บ้านกู้เมือง มากอยงาน เปิ้นจะมัดตีนมัดมือหื้อแม่เฒ่า มากอยตึงหน้อยตึงใหญ่ โทษมีถ้านตายบ่ฆ่า เรื่องมหรสพเจ้าพญาเอามาหมด เล่นอย่างใดมีสะป๊ะสะเป้ด”

          เปิ้นลำดับการละเล่นเปิ้นนะ ขอหื้อมากอย แม่เฒ่าอยู่บนปุ๊น โท้ เปิ้นเปิดงานกันทึ้ด ๆ หงส์หินก็ว่า

          “จะไปกอยงานกำฮะ”

          แม่ก็บ่หื้อมาว่า

          “จะไปไป เปิ้นตัวศัตรู เปิ้นฆ่าสองเตื้อสามเตื้อแล้วว่าจะไปไป”

          “บ่ใช่ จะไปอยู่ตังนอกผ่อเปิ้นบ่ตาย บ่เข้าในคุ้มในวัง”

          แม่บ่หื้อไป มันก็ว่าจะไปกำเดียว อยู่ทางนอกผ่อ อยู่ไกลผ่อ แม่เฒ่าอยู่บนปุ๊นหันเข้าใส่ ก็กวักมือ ไห้ดิ้นไปหั้นนะ

          “มา แม่มา แม่กองตะเจ๊า แม่ใคร่หันหน้าเจ้าจายแปง เจ้ากุมารน้อยกอบถ้อยแถลง ว่าเป็นลูกแปงคนเดียวแม่เฒ่า เป็นคนชังที่ฝูงท่านเจ้า ลูกชายเราบ่รัก”

          “ข้าบ่ขึ้นไปที่บนสำนัก จักอยู่ลุ่มเล่นดูงาน” ว่าหื้อแม่เฒ่า แม่เฒ่าซ้ำไห้ดิ้นไปหั้นนะ โท้ เปิ้นกึ๊ดแต่งานก็เพราะแม่เฒ่าใคร่หันหลานขอเปิ้นวะทางหื้อ เจ้าจะขึ้นไปนะ วะทางหื้อขึ้นไปหาแม่เฒ่า หวันไห้กอด พ่อก็มาแหล่ บ่รู้จักเป็นลูก

          “หลาน หลานลุกที่ไหนไปเอาแม่เฒ่าเมืองยักษ์มันก็บอกหื้อแหล่”

          “เต้าเมื่อสมเกิดมา เปิ้นเอาลอดลงฮูล่องหื้อหมากิน หมาบ่กิน พ่อพญาอินทร์เปิ้นรับเอาไปเลี้ยง เปิ้นเอาหมามาแทนลูก แม่อุ้มออกบ้านออกเมืองหมะเดี่ยวใหญ่มาขอมาแอ่ว พ่อพญาอินทร์หื้อมาแอ่วหาแม่ มาอยู่ก็ก้าย มาแอ่วในรั้วในเวียง”

          มันบอกหื้อพ่อมันหมดแหล่ เขาจ้างเมื่อฆ่ายักษ์ก็หกพัน ไปเมืองยักษ์ก็หกพัน สะป๊ะสะเป้ดมันอู้หื้อพ่อมัน พ่อมันรู้เป็นลูกมัน

          “เอา กำนี้ไปเสนาอามาตย์แป๋งขันเข้าตอกในสามสี่คน ไปขอนางวิมาลา มาตึงลูกไป๊เปิ้นสามคนมาหมด ใส่ช้างใส่ม้ามา”

          หมู่นั้นอุ้มไปแหล่ อุ้มขันข้าวตอกไป ไปขอ หมะยากหันขันข้าวตอกก็เบ่นหลังตำแล้วล่อ บ่ผ่อหน้า แล้วก็ว่า

          “ถ้วยแตกแล้วไปมาประสาน บ่มีสารทีจะติดต่อได้ เอาลูกข้าส่งมา”

          “เอ้อ จะเยียะอย่างใดละกำนั้น เราไปขอ พ่อกับลูกนะ”

          พ่อกับลูกก็ไป มันมากับลูกบ่ดายล่อนั้นนะผัวไปขอมันตึงบ่ผ่อหน้าสักกำ ผิดใจไล่ออกเมือง ผัวขอบ่ได้ เอาขันข้าวตอกเข้าไป ลูกเข้าไปขอ

          “แม่ ขอสูมากาละโทษแม่ ช่างมัน แล้วไปหายไป กรรมชาติแล้วมาสร้าง ขอแม่มาสร้างบ้านสร้างเมืองอยู่หอผาสาท อยู่ที่เก่า คำเกี้ยดหาย คำอายเสี้ยงขอแม่ลบลายหายเสีย เหมือนมีดฟันน้ำ ฟันแล้วบ่หันรอยขอแม่เมือ” พ่อขอมันตึงว่าบ่ผ่อหน้า ลูกอ้อนวอน

          “กันว่าบ่เมือ ก็แม่เฒ่าบ่หื้อลูกมา แม่เฒ่าจะตายละ”

          มากับลูกบ่ดายลูกนั้น บ่ใช่มากับผัวลู มาแผวก็กำนั้นก็

          “ไล่หมู่นั้นลง หมู่หกคนแม่ลูกนะ ไล่ลง คำพอเสี้ยงพอฉิบหายก็เพื่อเขาตึงแม่ตึงลูก เอาคำพอหมดพอเสี้ยงละ ไล่ลง”

          ไล่ลงเรือน แผ่นดินแตกสลูบหมดตึงแม่ตึงลูก นั้นนะเวรมันบ่หาย บาปนี่เราส้ายได้ เรากินเราทานตึงวันตึงวัน ส่งข้าววัดข้าววา เหมือนน้ำล้างรังหมูเสื่อมเปิ๊บ ค่อยปัดลงเตื้อหน้อย เวรนั้นมันบ่หาย