ช้างเจ็ดหัวเจ็ดหาง



          มีเด็กชายกำพร้าสองคนพ่อตายเมื่อประมาณหนึ่งเดือนมาแล้วหลังจากนั้นแม่ก็ล้มป่วยตามไปอีคน ทั้งสองก็อยู่กันตามลำพังสองพี่น้อง วันหนึ่งน้องเกิดความคิดถึงพ่อแม่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด ฝ่ายพี่ก็ทำต่างๆ นานาเพื่อให้น้องหยุดร้องแต่น้องก็
ไม่ยอมหยุดร้องไห้ พี่ก็เลยบอกว่า

          “เอ้อ น้องเอ้ย ไม่ต้องร้องไห้ละนะ เงียบเสียเถอะ พี่จะไปเสาะหาเอาช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมาให้ดูนะ”

          ทีนี้ก็มีชาวบ้านใจร้ายคนหนึ่ง ได้ยินก็เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพญาเจ้าเมือง พญาเจ้าเมืองก็ใช้คนไปเอาเด็กสองตัวนั้นมานี่

          “มีที่ไหนช้างเจ็ดหัวเจ็ดหาง มันมีจริงหรือ มีที่ไหน”

          ความจริงมันก็ไม่มี เป็นสิ่งที่พี่ต้องการหลอกน้องให้หยุดร้องไห้เท่านั้น ทีนี้พญาเจ้าเมืองก็สั่งให้พี่ชายออกตามหาเอาช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมาให้ ถ้าหามาไม่ได้พญาเจ้าเมืองก็จะประหารชีวิตทั้งพี่และน้องเสีย

          “ถ้ามึงไม่ไปเอาช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมาให้กู กูจะฆ่ามึงเสียทั้งพี่น้อง หากมึงเอาช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมาได้ กูจะแบ่งเมืองให้มึงครองครึ่งหนึ่ง”

          พี่ชายก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ร้องไห้อ้อนวอน

          “จะทำยังไง น้องผมมันยังเล็กอยู่ ไม่รู้จะเอาฝากใครไว้ ผมขอฝากน้องไว้กับพญาเจ้าเมืองนี้ได้ไหม”

          พญาเจ้าเมืองก็รับปากจะเลี้ยงดูให้ แล้วพี่ชายก็เดินทางไปตามหาช้างเจ็ดหัวเจ็ดหาง เป็นเวลาหลายปี วันหนึ่งพี่ชายก็ไปทางเรือไปพบกับช้างเอางาแทงฝั่ง จึงเอ่ยปากถามว่า

          “ทำไมท่านช้างจึงเอางามาแทงคาฝั่งเช่นนี้”

          “โอ้ ข้านี่เป็นวิบากกรรมอะไรไม่รู้นะ”

          “รู้จัก รู้ข่าวว่าช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมีที่ไหนบ้างไหม”

          “อ้า ข้านะไม่รู้หรอก ให้ไปถามคนที่มีใจบุญ มีบุญาธิการนั้นเถอะ หากว่าเจ้าไปเจอผู้ที่บุญช่วยถามว่ามันเป็นวิบากอะไรของข้าที่ต้องมาเป็นเช่นนี้”

          พี่ชายก็เลยไป เดินไปก็อ้อนวอนขอร้องขึ้นถึงเทวบุตรเทวดาให้ช่วยเหลือ เพราะท่านพญาเจ้าเมืองใช้ให้ข้าไป ความจริงก็หลอกน้องให้หยุดร้องไห้เฉยๆ จำเป็นต้องไป ไม่ไปท่านก็จะฆ่า พี่ชายก็เดินทางไปเรื่อย ไปพบแม่ญิงคนนึ่ง ต้นไม้งอกออกกลางหัว ก็เลยทักว่า

          “ทำไมถึงมาอยู่นี่ และต้นไม้ออกกกลางหัวละท่าน”

          “ก็เป็นวิบากกรรมเวรอะไรไม่รู้ของข้าถึงได้เป็นเช่นนี้”

          “รู้ข่าวว่าช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางอยู่ทางใหนไหมจ๊ะ”

          “โอ้ ข้าไม่รู้หรอก ให้ไปถามคนใจสูงใจบุญเถอะ แล้วถ้าพบคนใจสูงใจบุญนั่นก็ขอถามเรื่องราวของข้าหน่อย มันเป็นวิบากอะไร เป็นกรรมอะไรที่ได้มานั่งภาวนาอย่างนี้ ไม้ก็
ออกกลางหัว ไปไหนก็ไม่ได้”

          พี่ชายก็สืบเสาะหาต่อไปอีก ไปพบงูใหญ่ตัวหนึ่ง อ้อมจอมปลวกอยู่ก็ถาม

          “งูนี่ยังไงมาอยู่อย่างนี้”

          “ก็ไม่รู้ เป็นกรรมไม่รู้”

          “ท่านรู้ข่าวว่าช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมีที่ใดไหม”

          “อ้า ข้านะไม่รู้หรอก ให้ไปถามคนที่มีใจบุญ มีบุญาธิการนั้นเถอะ หากว่าเจ้าไปเจอผู้ที่บุญใหญ่ช่วยถามว่ามันเป็นวิบากอะไรของข้าที่ต้องมาเป็นเช่นนี้”

          มันก็เดินไป ก็ไปพบกับพระฤาษีจำศีลอยู่ในป่า ก็เข้าไปน้อมไปไหว แล้วถามว่า

          “ช้างเจ็ดหัวเจ็ดหางมันมีแห่งหนตำบลใดท่านฤๅษีพอที่จะรู้ไหมครับ”

          แล้วพี่ชายก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับพระฤาษีฟังทั้งหมด พระฤาษีก็ว่า

          “โอ้ มันมีแต่มันไกล หลานจะไปนี่มันยากมากๆ ขออยู่กับฤาษีนี่สักพักก่อน เรียนวิชาอาคมให้เก่งก่อนแล้วค่อยไป มันอยู่เมืองยักษ์นู่น”

          ชายหนุ่มนั้นก็เลยอยู่กับพระฤาษี เป็นผู้ดูแลพระฤาษีและฤาษีก็สอนวิชาอาคมให้แล้วเมื่อเรียนวิชากับพระฤาษีสำเร็จหมดก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางออกไปหาช้างตัวนั้น พระฤาษีก็บอกให้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือไปที่เมืองยักษ์ ก่อนจะไปนั้นชายหนุ่มก็ได้ถามมาถึงเรื่องราวที่เจอถึงกรรมเวรต่างที่ตนได้พบเห็นมาตลอดทางกับพระฤาษี ท่านก็ตอบไปว่า

          “เอ่อ ช้างที่เอางาแทงตาฝั่งนั่น ชาติแล้วมันไปพังสะพานของคนอื่น ชาตินี้มันเลยมาเอางาคาตาฝั่งไว้เป็นเหมือนสะพานใช้หนี้เขา”

          “เอ่อ ส่วนหญิงคนนั้น เมื่อชาติที่แล้วมันเด็ดดอกวัดมาเหน็บประดับตน ชาตินี้ไม้ก็ออกกลางหัวไปไหนก็ไม่ได้”

          “แล้วงูใหญ่ที่อ้อมจอมปลวกนั่น ชาติแล้วเป็นเศรษฐีมีเงินแล้วไม่ทำบุญทำทาน ชาตินี้ก็เลยเกิดมาได้เป็นงูรัดจอมปลวกนั้นเพราะว่าของๆ มันมีที่นั่น”

          หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ขอลาพระฤาษีหลังจากที่ได้ฟังถึงกรรมเวรต่างๆ ตามที่ตนเองเห็นมา เหาะจนไปถึงเมืองยักษ์ตามที่ฤาษีบอกไว้ และได้มีการต่อสู้กันกับยักษ์ เกิดขึ้น
ระหว่างชายหนุ่มกับยักษ์เมืองนั้น แต่ว่ายักษ์ก็ไม่สามารถที่จะสู้ชายหนุ่มนั้นได้พ่ายแพ้ไปและยอมบอกถึงที่อยู่ของช้างเจ็ดหัวเจ็ดหาง

          ยักษ์ก็เลยเป็นผู้นำทางไป ไปได้ช้างเจ็ดหัวเจ็ดหาง แล้วก็ยักษ์ก็พามาส่งถึงบ้านถึงเมือง ชาวเมืองทั้งหลายต่างตบมือ ไชโยโห่ร้อง ดังถึงสวรรค์ชั้นอินทร์ชั้นพรหม พญาเจ้าเมืองเสนาอามาตย์ก็หนี กลัวตายเพราะคิดว่าข้าศึกข้าเสือจะมาถึงบ้านแล้ว พญาเจ้าเมืองก็วิ่งหนีไป อกแตกตายอยู่ในป่า เมื่อพญาเจ้าเมืองตายชายหนุ่มนั่นก็ได้มาครองบ้านเมือง ได้เป็นพญาแทนตั้งแต่นั้นมา