เตโชยาโม



          แรกเริ่มก็มีอยู่ว่า สองสหาย ชื่อคนหนึ่งว่าเตโช อีกคนชื่อว่ายาโม ต่างคนต่างก็มีเมียกันแล้ว เมียของเตโชนั้นชื่อว่าจันตา เมียของยาโมนั้นชื่อว่ากาสี ผัวเมียคู่ที่นึ่งนั้น เตโชเป็น
คนที่ใจบุญแล้วก็เชื่อฟังซึ่งกันและกันกับเมีย จะไปที่ไหนผัวว่าแล้วก็เป็นที่รู้เรื่องกัน อีกคู่หนึ่งคู่ที่สองนั้นผัวชื่อว่ายาโม แต่ไม่ค่อยถูกกันกับเมีย พูดกันยาก

          ทีนี้ก็วันหนึ่งผัวทั้งสองครอบครัวนี้กินเหล้าด้วยกันเมาเหล้ามากๆ รูดมาตามหนทางพิงรั้วตลอดจนมาถึงบ้านของใครของมัน เตโชก็มาบ้าน เมียมันก็ล้างเท้าล้างมือ ล้างหัว แล้วก็อาบน้ำให้ แล้วก็ปูผ้าให้นอน กล่อมจนหลับ แล้วทีนี้ยาโม สหายคนที่สองมัน
เห็น เพื่อนนั้นถูกปรนนิบัติอย่างดีมันก็ว่า

          "ฮู้… เมียเพื่อนเรานี้ดีมากเลยนะเนี่ย เดี๋ยวเราจะลองให้เมียเราทำแบบนี้บ้าง”

          ทีนี้ยาโมก็ไปกลิ้งขี้โคลน ไปทำเมาเหล้ากลิ้งขี้โคลนไปตั้งแต่บ้านเพื่อนจนถึงบ้านตน ทีนี้พอไปถึงบ้าน เมาเหล้าเข้าไป เมียมันก็ด่าๆๆ

          “ทำไมเจ้านี่โง่อย่างนี้ กินไม่รู้จักตัวเอง เมาแล้วไปเกลือกกลิ้งโคลนที่ไหนมา ฯลฯ”

          ด่าผัว ทีนี้ก็ไล่ผัวไปนอนที่อื่น ยาโมไม่ได้รับการปรนนิบัติเหมือเตโชมิหนำซ้ำโดนไล่อีกต่างหาก มันก็กลับมาหาเพื่อนแล้วก็เอ่ยว่า

          “นี่ สหายเรา เมียเราทำไมไม่เหมือนเมียของสหาย ไปคนละอย่าง จิตใจมันเหี้ยมจัง”

          แล้วทีนี้อีกวันยาโมก็บอกว่า

          “นี่ สหาย พรุ่งนี้เราไปเอาช้างกันไหมมีในป่านะ มีเยอะแยะเลย”

          แล้วเตโชนั้นว่าคุยกันกับเมียมันว่า

          “นี่ น้องรัก พรุ่งนี้เราจะไปเอาช้างในป่ากัน ช้างของเรานะ ไปไหม”

          เมียก็ว่า

          “โห ดีสิพี่ มันมีก็ไปเอาด้วยกันเลย”

          ทั้งสองผัวเมียก็ไปด้วยกัน เมียของเตโชก็ห่อข้าวห่ออะไรไป พอไปแล้ว ไปเห็นช้างเตโชก็บอกให้เมียว่า

          “เนียะ ช้างเราๆ”

          ช้างนั้นก็เข้ามาหา พอเข้ามาหาแล้ว ก็พูดว่า

          “เราจะเอากลับบ้านนะ”

          แล้วก็จูงช้างตัวจ่าฝูงนั้นไปช้างทั้งหลายก็ตามไปเป็นโขลงกลับบ้าน ทีนี้ก็เอาเข้ามาบ้านแล้ว ไปบอกให้สหายยาโมมาดู เมื่อยาโมเห็นแล้วก็ว่า

          “โฮ้ ได้ช้างมาทั้งโขลงเลยหรือนี่”

          เอาช้างป่ามาเป็นช้างตนเองได้ เพราะว่าคุยกันถูกรู้เรื่อง ถูกที่ มีความรักและศีลธรรมแล้วก็เลยเอาช้างมาเป็นของตัวได้ เป็นผัวเมียที่ถูกธรรม อยู่ในศีลในธรรม ทีนี้อีกวันสหายยาโมนั้นก็ไปชวนเมียมันบ้าง ไปเอาช้าง ช้างเรามีในป่า เมียมันก็ว่า

          “ช้างพ่อเฒ่าเจ้านะมันทำไมมีในป่า” เมียมันว่า ทั้งสองคุยกันไม่รู้เรื่องไม่ถูกกัน

          “พ่อเฒ่าเจ้านะไปมีช้างมีม้าที่ไหนมา”

          สุดท้ายก็ไม่ได้ช้างอะไรซักอย่าง ทีนี้ก็อีกวัน เตโชนั้นก็ว่า

          “เอ๊ สหายเรา เราจะไปเอาไก่ ไก่มีในป่าเป็นฝูงเลย”

          ทีนี้ก็ไป เตโชไปเอาไก่ พูดกันกับเมียๆ ก็ว่า

          “ป๊ะ เราไปป่ากันหากไก่เรามี เราก็ไปเอามา”

          ทีนี้ก็พากันไป ห่อข้าวห่อน้ำไป ไปพบไก่ป่าเป็นฝูง แล้วทีนี้กพูดว่า

          “เนียะ ไก่เราอยู่เนียะ เราจะเอามาเลี้ยงบ้าน ไปกุ๊ก ๆ กลับบ้าน”

          เอาไก่ตัวจ่าฝูงไปไก่ฝูงนั้นก็ตามมา จนมาถึงบ้าน แล้วก็ไปบอกให้เพื่อนอีกว่า

          “สหาย เราเอาไก่มาฝูงหนึ่ง ไก่เราไปปล่อยไว้ในป่าเมื่อก่อนนั้น”

          ยาโมก็ว่า

          “โฮ้ ของเราก็คงจะมีอยู่เหมือนเดิม”

          แล้วก็จะชวนเมียมันไป มาชวนเมียมันไปเมียมันก็ว่า

          “ไก่พ่อเฒ่ามึงสิมีในป่านั่นนะ”

          กลับโดนด่าอีก ทีนี้ก็มีอีกคนหนึ่งมาตัดสินว่า

          “เอ๊ สหายสองคนนี่มันไม่เหมือนกัน คนคู่ที่หนึ่งนั้นเขาถูกต้อง ว่าอะไรก็ฟังกัน สิ่งอันไหนต่างๆ ก็หลั่งไหลมาหา แล้วคู่ที่สองนี้มันไม่ถูกกัน ต่อไปนี้ให้ฟังกัน ถ้าใครว่ายังไงค่อยดูปรึกษากันเหมือนคู่ที่หนึ่ง จะได้มีเงินมีทองอย่างเขาบ้าง”

          เมื่อภายหลังมาคู่ของยาโมเขาก็ฟังซึ่งกันและกัน ฐานะก็ดีขึ้นมา เป็นดีขึ้นมาเรื่อยๆ