กำพร้าหมาดำ



          กาลครั้งหนึ่งมีหมาตัวหนึ่ง เกิดลูกมาเป็นหญิง 3 คน อาศัยอยู่ที่ผาสามเส้าซึ่งอยู่ในป่าใหญ่ ส่วนแม่หมานั้นก็เสาะแสวงหาเศษอาหารของชาวบ้านไปเลี้ยงลูก พอลูกสาวทั้งสามเติบใหญ่ขึ้นมา ก็มีพวกชาวบ้านไปพบนางทั้ง 3 ซึ่งมีความงดงามมาก จึงนำความนั้นมา
บอกเล่ากับพญาเจ้าเมืองให้รู้ เมื่อพญาเจ้าเมืองรู้เรื่อง ก็นำเอารี้พลเสนาอามาตย์ตกแต่ง
มาเพื่อจะไปแห่แหนเอานางแม่หญิงทั้งสามซึ่งเป็นลูกของแม่หมาตัวนั้นมาเป็นมเหสีเทวีของตน พอถึงที่ก็เชิญนางทั้งสามขึ้นขี่ช้างเพื่อจะแห่เอามาในเมือง นางทั้งสามก็รู้สึกละอาย ก็ไม่ยอมจะมาโดยง่าย เพราะเป็นห่วงและอาลัยยังแม่ผู้บังเกิดเกล้าอันไปแสวงหาอาหารซึ่งยังไม่กลับ ส่วนพญาเจ้าเมืองก็บังคับเอานางทั้งสามมาจนได้

          แล้วก็แห่แหน เอามายังบ้านเมืองของตนแล้วท่านพญาเจ้าเมืองก็จัดทำปราสาทให้อยู่คนละหลังทั้งสามพี่น้อง ส่วนแม่ของนางทั้งสามที่เป็นหมานั้น ซึ่งไปหาอาหารกลับมายังที่พักไม่เห็นยังลูกสาวทั้งสามคนแล้วก็เศร้าโศกและเสียใจเวทนาและร้องไห้ ติดตามรอยไปยังเมืองที่ลูกอยู่ แล้วก็ไปอยู่ใต้ปราสาทแห่งนางผู้เป็นพี่เอ้ยหรือเป็นคนโต แล้วก็เห่าหอนและเวทนาทุกข์เป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายหญิงผู้เป็นลูกคนโตก็เลยใช้หื้อเสนาอามาตย์ไล่เอาไม้ไล่บุบ
ทุบตีแม่

          “นั่นหมาใครมาเห่าหอนอยู่หน้าปราสาทนั้น “

          ความจริงหญิงคนนั้นก็รู้แล้วว่าเป็นแม่แห่งตน แต่แกล้งไม่รู้ แม่ก็เลยวิ่งหนี แล้วไปหาปราสาทของหญิงคนที่สอง แล้วก็เห่าหอนร่ำไรเวทนา ลูกสาวคนที่สองก็ใช้ให้เสนาอามาตย์เอาไม้ไล่บุบทุบตีให้หนีออกไป

          “นั่นหมาใครมาเห่าหอนอยู่ที่นั้น”

          ความจริง ลูกสาวคนที่สองก็รู้แล้วว่าเป็นแม่แห่งตน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะอายว่าจะเสียยศถาบรรดาศักดิ์ว่าเป็นลูกสัตว์เดรัจฉาน หมาผู้เป็นแม่ก็หนีไปด้วยความเศร้าโศก เสียใจแล้วก็เดินไปหาลูกหญิงคนสุดท้องแล้วก็ไปเห่าหอนเวทนาทุกข์โศก พอลูกสาวคนสุดท้องรู้ว่าเป็นแม่ของตนก็ใช้ให้เสนาอามาตย์เอาข้าวและน้ำใส่พานเงินพานคำไปให้แม่
ได้กินและบริโภคจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับไปที่อยู่แห่งตนด้วยความโศกและเวทนาหาลูก

          แม่หมาทำอย่างนั้นหลายครั้งหลายคราว คือมาหาแต่ลูกหญิงคนสุดท้องอยู่บ่อยๆ ผู้เป็นลูกก็มีความรักและสงสารแม่และคิดถึงบุญคุณที่แม่ได้เลี้ยงตนมาในเมื่อแม่เห่าหอนและ โศกเวทนาอย่างปางหลัง นางก็ใช้ให้เสนาอามาตย์ลักอุ้มเอาแม่ขึ้นไปบนปราสาท
ด้วย ไม่ให้พญาเจ้าเมืองผู้เป็นผัวได้รู้ได้เห็น แล้วนางก็อุ้มเอาแม่ไปใส่ในหีบไว้ที่หัวนอน และเอาข้าวเอาน้ำหื้อกินอย่างแสนสบายใจ ในที่สุดต่อมาแม่ก็จุติตายแล้วเอาดวงวิญญาณไปสู่สุคติบนฟากฟ้า บนสวรรค์แล้วเหลือแต่ซากศพอยู่ในหีบหั้น ซากศพของแม่หมาตัวนั้นเลยกลับกลายเป็นทองคำไปทั้งแท่ง ส่วนนางลูกคนสุดท้องนั้น ก็ไปเปิดดูไม่เห็นแม่แล้วเห็นแต่ทองคำอยู่ในหีบนั้นแทนแม่แห่งตัว นางก็เลยดีอกดีใจ แล้วเอาทองคำนั้นขายแล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปหายังแม่ผู้เป็นหมานั้นว่า

          “ขอให้แม่ได้รับส่วนกุศลบุญอันลูกได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลนี้ทุกประการ”