ตามคำเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่สืบทอดกันมาว่ามีพรานป่าผู้นึ่ง นายพรานผู้นี้อยู่กับลูกสองคนเป็นแม่ญิงตึงสองคน คนนึ่งชื่ออู๊ด คนนึ่งชื่ออั๊ด นายพรานผู้นี้เมียได้ตายไปเมื่อลูกกำลังแบเบาะอยู่ ตามคำเล่านี้อู๊ดกับอั๊ดเป็นลูกกำพร้าแม่ ตามคำสุภาษิตเปิ้นว่าไว้ว่า “กำพร้าพ่อพอยัง แควน กำพร้าแม่ตีนแขวนต้องหย้อง” ตามความเข้าใจของผู้เล่าก็คงหมายถึงอาภัพแม่เหมือนกับเพลงๆ นึ่งที่ว่าแม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง เป็นเพลงอะหยังลองกึ๊ดกอยเต๊อะ
พรานคนนี้อาชีพของแกก็คือหาปลา เครื่องมือของแกก็คือแห เรียกว่าทอดแห นายพรานก็อยู่กับลูก แล้วรักลูกเป็นชีวิตจิตใจ หวงลูก ขางลูกอู๊ดกับอั๊ดนั้นก็อย่างว่า วันเวลามันหยังมาเร็วดังใจเป็นสาวแล้ว อายุก็สิบห้าหยกๆ สิบหกหย่อนๆ งามเหีย หนุ่มทังหลายจ้องมองตาเป็นมัน อยากใคร่ได้มาเป็นเมีย แต่เข้าหาบ่ใคร่ได้เพราะพ่อนี้รักลูก กีดกันลูก เพราะลูกนี้เป็นกำพร้าแม่
อยู่มาวันนึ่ง การหาปลานี้ก็ต้องไปหากันกลางคืน คือไปทอดแห เอาปลามาเลี้ยงชีพ เวลานั้นก็เป็นหน้าหนาวเสียด้วย ก่อนี่จะไปทอดแหหาปลา ก็สั่งลูกทั้งสองไว้ว่า
“ลูกอู๊ดอั๊ด พ่อจะไปหาปลาเน่อ เดิกปุ๊นละพ่อจะมา ถ้ามีไผมาฮ้องก็จะไปเปิดประตูนา ลูกจะไปเปิดนา จำคำนี้ไว้หื้อดีๆ”
นายพรานหลังจากสั่งลูกแล้วก็ออกไปหาปลาตามเคยมันเป็นเวลาหน้าหนาว หนาวจนทนบ่ได้ จะรอหื้อมันเช้าก็บ่ไหวจึงกลับเข้าบ้าน มาฮ้องลูกไขประตูว่า “อู๊ดอั๊ด พ่อมาแล้วหนา ไขประตูหน้อยๆ ๆ พ่อหนาวแก่หนา” ฮ้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง อู๊ดกับอั๊ดก็บ่ยอมไขประตูเพราะพ่อสั่งไว้ว่าถ้ามีไผมาฮ้องจะไปไขประตู จนในที่สุดพ่อทนบ่ได้ก็ขาดใจตายคาปากประตู พอแจ้งอู๊ดกับอั๊ดก็ไขประตูออกมาหันใส่พ่อ ด้วยความโศกเศร้าเสียใจรำพันว่า
“ที่ฮ้องเมื่อคืนคงจะเป็นพ่อเฮาถ้าว่าเฮาไขประตูหื้อเปิ้นคงจะบ่ตาย เพราะพ่อทนความหนาวบ่ได้”
พอนายพรานหลังจากได้ตายไปแล้ว วิญญาณก็ได้ไปเกิดเป็นนกมาร้องเรียกตามเขตบ้านเก่า เพราะมีความผูกพันอยู่กับบ้านเก่า คือลูก มาฮ้องเป็นเสียงนก “อู๊ดอั๊ด ไขเต๊อะๆๆ”
นกอู๊ดอั๊ดฮ้องหาลูก เขาเรียกว่าวิญญาณสัมพันธ์ ถ้าวิญญาณของพายพรานเป็นปลาก็ว่าไปอย่างเพราะนายพรานได้ฆ่าปลา ทีนี้ไปเกิดเป็นนก ท่านลองคิดดูว่าเรื่องนี้มีแง่คิดในเรื่องใด คำสั่งของพ่อต่อลูก หรือลูกเป็นผู้ผิด หรือว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมคือการกระทำ