มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอายุของคนว่า ในอดีตกาลนานเกินว่าจะนับได้นั้น คนเรามีอายุขัยเพียงแค่ 30 ปี เพราะพระพุทธเจ้าท่านให้มาแค่นั้น คนมีอายุขัย 30 ปี วัวควายมีอายุขัย 30 ปี หมามีอายุขัย 30 ปี ลิงมีอายุขัย 30 ปี มูลเหตุเกิดจาก วันหนึ่งพระพุทธเจ้าก็เรียกคนและสัตว์ทั้งหลายมาถามว่า
“วัวควายอย่างพวกเจ้ามีหน้าที่อะไร“
วัวควายก็ตอบว่า
“พวกเราต้องทำงานเป็นขี้ข้าของเขา”
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า
“พวกเจ้าเอาอายุไป 30 ปี “
พวกวัวควายก็ร้องอุทธรณ์ว่า
“ไม่เอา พวกเราเอาให้คนเสีย 20 ปี เราเอาแค่ 10 ปีก็พอ“
เมื่อวัวควายเอาอายุขัยให้คนไป 20 ปี คนจึงอายุขัยได้ 50 ปี พระพุทธเจ้าก็เรียกหมาเข้ามาถามต่อว่า
“หมา เจ้าเกิดมาทำอะไร”
“ก็เอาไว้เห่าไว้หอนให้คนนะสิ “
“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าเอาอายุไป 30 ปี“
หมาก็ร้องขัดขึ้นว่า
“ไม่เอา พวกเราเอา 10 ปีก็พอแล้ว ที่เหลือจากนั้นยกให้คน“
เมื่อหมายกอายุขัยให้อีก 20 ปี คนจึงมีอายุขัย 70 ปี พระพุทธเจ้าก็เรียกลิงเข้ามาหาอีกแล้วถามว่า
“ลิง เจ้าเกิดมาทำอะไร “
“พวกข้าเกิดมาก็เพื่อจะได้เล่นหน้าเล่นตาให้คนดู“
“ถ้าเช่นนั้น พวกเราเจ้าเอาอายุไป 30 ปี“
ลิงก็ไม่เอาอีก
“พวกข้าเอาแค่ 10 ปีก็พอ เหลือจากนั้นเอาให้คน “
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเอาอายุของวัวควาย หมา ลิงมารวมให้คน คนจึงมีอายุขัยตั้งแต่ 70-90 ปีและก็มีพฤติกรรมในแต่ละช่วงอายุต่างกันไปตามลักษณะของสัตว์ที่ยกอายุขัยให้ คือ เมื่ออายุ 30 ปี ชีวิตคนก็จะสนุกสนาน ไม่คิดอะไร เมื่ออายุ 30 ปีถึง 50 ปี ได้เอาอายุงัวอายุควายมาใช้ จะไปที่ไหนก็เป็นห่วงเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับวัวที่เขาสนตะพายไว้
เมื่ออายุ 50-70 ปี ได้เอาอายุของหมามาใช้ ก็จะเป็นห่วงสมบัติ กลัวว่าใครเขาจะมาขโมย
สมบัติไหมหนอ ของจะหายไหม ได้ยินเสียงหมาเห่าที่ไหนก็ระแวงไปหมด เที่ยวเฝ้าของเหมือนเช่นหมา พออายุ 70-90 ปี เอาอายุอายุลิงอายุวอกมาใช้ ก็มีพฤติกรรมเหมือนวอกเหมือนลิง ได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า