เรื่องผีโพง มีคนเล่าต่อกันมาว่า ถ้าถึงหน้าฝน ฝนจะตกนัก น้ำจะนอง(น้ำหลาก)เต็มทุ่งเต็มนา เมื่อน้ำนองก็มีกบมีเขียดออกมาอยู่ตามที่มีน้ำ เขาว่าถ้าอยากเห็นผีโพง พอถึงเวลากลางคืน ตอนดึกๆ ลองออกมาดูอยู่แถวนอกชานบ้าน ส่องไปตามที่กลางทุ่ง ก็จะหันแสงไฟริบหรี่ๆ แดงๆ อยู่กลางทุ่งนั้น นั้นแหละที่เขาเรียกว่าผีโพง มันออกหากินกบกินเขียด ผีโพงนี่มันกลัวคน ไม่สู้หน้าคน เมื่อเราส่องดูมัน เราไม่เห็นว่ามันเป็นคนหรือว่ามันเป็นอะไร จะเห็นแต่แสงไฟ ถ้าดูไม่ดีจะเห็นแต่แสงเขียวเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับ
คนเมื่อก่อนเขาว่าผีโพงก็คือคนเราธรรมดานี่แหละ แต่เขานั้นมีกรรมทำให้ต้องเป็นผีโพง เวลาที่มันออกไปหากินมันก็ไม่รู้ตัว เขาว่าผีจะเข้าสิงมัน มันชอบกินของที่คาวๆ เมื่อมันจะกินกบกินเขียดมันก็จะจับขึ้นมาแล้วก็ดูดกินเลือดแล้วก็ละซากมันไว้ คนที่เป็นผีโพงเวลาที่มันจะออกหากินมันจะเอาไม้วางแทนตัวมัน ผีโพงที่เป็นผู้ชายเมื่อมันออกบ้านเมีย มันก็จะไม่รู้ หากถึงตอนเช้าก็จะมีกบมีเขียดตายอยู่ตามประตูบ้านเรือน เสื้อก็จะเป็นแต่ดินโคลน
เขาว่าถ้าเราอยากรู้ว่าใครเป็นผีโพง ให้ทำดังนี้ ให้เอาไม้คานแม่ม่ายที่ผัวตายมาชี้ที่ตัวผีที่เราเห็น แล้วก็ให้หักไม้คานที่ชี้นั้นเผาไฟเสีย พอตอนเช้าก็จะมีคนมายืมไม้คาน คนที่มายืมก็คือผีโพง ถ้าเราให้ไม้คานมัน มันก็จะเอาไม้คานนั้นพุ่งข้ามหลังคาบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเป็นไม่สบายได้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ให้ดูหน้าดูตา คนที่เป็นผีโพงผิวมันจะเหลืองซีด จมูกมันจะแดงขนาดหนัก ไม่เหมือนคนธรรมดา ขนตาสั้น
ผีโพงนี้สืบต่อกันไปจนถึงลูกถึงหลาน เขาว่าถ้าเห็นผีโพงห้ามส่งเสียงดัง ไม่ อย่างนั้นมันจะเอาก้านกล้วยขว้างข้ามหลังคาบ้านเรา เราก็จะไม่สบายป่วยไข้ได้